สื่อ online สร้างเครือข่ายไร้พรมแดน เว็บข่าว Online 24 ชั่วโมง       
สำนักข่าวเด็กและเยาวชน สถานีอาร์ทีวีวัน สื่อออนไลน์ สร้างเครือข่าย ไร้พรมแดน วิทยุ-โทรทัศน์ เพื่อการศึกษา ผลิตโดยกลุ่มเยาวชนเพื่อเยาวชน คลิกที่นี่

อ่านบทความสกู๊ปพิเศษ

“ครองใจคน” หลากหลายเหตุผลที่คนไทยรัก “ในหลวง”

ข่าวประชาสัมพันธ์


สำนักข่าวเด็กและเยาวชน สถานี อาร์ ทีวี วัน ร่วมแสดงความจงรักภักดี์ โครงการถวาย ๘๔ พรรษา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสพระราชทานแก่ป ระชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2555 ความว่า "ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี มาอวยพรแก่ท่านทุก ๆ คน และขอขอบใจท่านเป็นอย่างมาก ที่ร่วมกันจัดงานฉลองอายุคร บ 7 รอบให้อย่างเหมาะสมงดงาม ระหว่างปีที่แล้วเหตุการณ์ต ่าง ๆ ในบ้านเมืองนับว่าเป็นปรกติ ดี แต่พอเข้าปลายปี ก็เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้ประชาชนหลายจังห วัดต้องประสบอันตรายและความ เดือดร้อน ลำบาก ความเสียหายครั้งนี้ดูจะร้า ยแรงกว่าครั้งไหน ๆ ที่ผ่านมา ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือ นใจอย่างสำคัญดังที่ข้าพเจ้ าได้กล่าวไว้หลายครั้งแล้วว ่า วิถีชีวิตของคนเรานั้น จะต้องมีทุกข์ มีภัย มีอุปสรรค ผ่านเข้ามาเนือง ๆ ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นปรกติส ุขอย่างเดียวได้ ทุกคนจึงต้องเตรียมกาย เตรียมใจ และเตรียมการไว้ให้พร้อมเสม อ เพื่อเผชิญและป้องกันแก้ไขค วามไม่ปรกติเดือดร้อนต่าง ๆ ด้วยความไม่ประมาท ด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และด้วยสามัคคีธรรม ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชน ชาวไทยได้ตั้งตนอยู่ด้วยควา มไม่ประมาท โดยมีสติ รู้ตัว และปัญญา รู้ผิด กำกับอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดที่มีภาระหน้าที่อันใด ก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วง กันไป ให้ทันการณ์ทันเวลา ผลงานทั้งนั้นจะได้ส่งเสริม ให้แต่ละคนประสบแต่ความสุข ความเจริญ และทำให้ชาติบ้านเมืองดำรงม ั่นคงและก้าวหน้าต่อไป ด้วยความผาสุกสวัสดี ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตน ตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ งหลาย จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให ้มีความสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีภัย ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"
 

   

              
   
ดาว์โหลด เว็บบราวเซอร์ ที่ใช้ท่องความเร็วในการเล่นอินเตอร์เน็ตที่ดีที่สุดในการเข้าชมเว็บไซต์ของทางสถานี อาร์ ทีวี วัน

เพื่อความสมบูรณ์ในการนำเสนอของ www.rtv1.net 
กรุณาติดตั้งโปรแกรมเสริม Adobe Flash สำหรับแสดงผลข้อมูลในรูปแบบมัลติมีเดีย และ Apple Quictime สำหรับแสดงผลข้อมูลในรูปแบบ Quicktime VR

        

การแสดงหน้าเว็ปที่เหมาะสมควรใช้Google Chrome
RTV1   STATION   THAILAND
 
สำนักข่าวเด็กและเยาวชน สถานี อาร์ ทีวี วีน สื่อ Online สร้างเครือข่ายไร้พรมแดน เว็บข่าว 24 ชั่วโมง
 
 
 
 
 
 
สถานี อาร์ ทีวี วัน วิทยุ โทรทัศน์ เพื่อข่าวสาร สาระบันเทิง และเพื่อการศึกษา ผลิตโดย กลุ่มเยาวชนเพื่อเยาวชน +
 
โลโก้ ช่อง 3 - คลิกที่นี่เพื่อดูรูปภาพใหญ่
โลโก้  ช่อง 5 - คลิกที่นี่เพื่อดูรูปภาพใหญ่
โลโก้ ช่อง 7 - คลิกที่นี่เพื่อดูรูปภาพใหญ่

ข่าวด่วน สถานการณ์ร้อนๆ
ที่เกิดขึ้นทั่วไทย ทั่วโลก อัปเดตทุก24 ชม.ให้คุณทันเหตุการณ์โลกทุกๆวัน.

โดยทีม ข่าวพิราบขาว


 
ขอขอบคุณสำนักข่าวทุกสำนัก และ ช่างภาพทุกท่าน ทีมข่าว อาร์ ทีวี วัน
  อ่านข่าวเด่นประเด็นร้อน ข่าวด่วน สถานการณ์ร้อนๆ ที่เกิดขึ้นทั่วไทย ทั่วโลก อัปเดตทุก24 ชม.ให้คุณทันเหตุการณ์โลกทุกๆวัน
 
โดยทีมข่าว อาร์ ทีวี วัน

คลิกอ่านข่าวทั้งหมดที่นี่

 
   

เจ้าชายนารุฮิโตะเสด็จฯทำเนียบฯ


26 มิ.ย. 2555 เจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น เสด็จฯทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ฝนตกหนักต้องยุติพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศกระทันหัน

เมื่อวานนี้เวลา 16.00 น. พิธีรับเสด็จฯเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมา...ดูเพิ่มเติม

รูปภาพ : เจ้าชายนารุฮิโตะเสด็จฯทำเนียบฯ           26 มิ.ย. 2555 เจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น เสด็จฯทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ฝนตกหนักต้องยุติพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศกระทันหัน     เมื่อวานนี้เวลา 16.00 น. พิธีรับเสด็จฯเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น  ที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องในโอกาสเสด็จฯเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 25-27 มิ.ย.นี้ ต้องยุติลงกระทันหัน หลังฝนตกลงมาอย่างหนัก ระหว่างที่เจ้าชายนารุฮิโตะ เสด็จฯตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ     ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี ได้ขอพระบรมราชานุญาต เชิญเจ้าชายเสด็จพระราชดำเนินเข้าตึกไทยคู่ฟ้า      จากนั้น เจ้าชายนารุฮิโตะ ทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดเยี่ยมและการแลกเปลี่ยนของขวัญ โดยในเวลา 16.15 น. นายกฯมีกำหนดการถวายพระสุธารสแด่มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล     อนึ่ง เจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น เสด็จฯถึงประเทศไทยโดยเครื่องบินพิเศษที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อเวลา 14.00 น. โดยพระองค์ได้เสด็จฯเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ระหว่างวันที่ 25-27 มิ.ย. และเสด็จฯ ออกจากประเทศไทยโดยเที่ยวบินพิเศษที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เวลา 08.00 น. ของวันที่ 27 มิ.ย.
โชว์ภาวะผู้นำ ปูแถลงเอง สหรัฐใช้อู่ตะเภา


26 มิ.ย. 2555 นายกรัฐมนตรี โชว์ภาวะผู้นำ ยืนยัน หลังการประชุม ครม.วันนี้ ซึ่งจะมีการพิจารณากรณีนาซาขอใช้สนามบินอู่ตะเภา จะขอเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตัวเอง ไม่ว่าที่ประชุม ครม. จะมีผลออกมาอย่างไรก็ตาม
...ดูเพิ่มเติม
รูปภาพ : โชว์ภาวะผู้นำ ปูแถลงเอง สหรัฐใช้อู่ตะเภา       26 มิ.ย. 2555 นายกรัฐมนตรี โชว์ภาวะผู้นำ ยืนยัน หลังการประชุม ครม.วันนี้ ซึ่งจะมีการพิจารณากรณีนาซาขอใช้สนามบินอู่ตะเภา จะขอเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตัวเอง ไม่ว่าที่ประชุม ครม. จะมีผลออกมาอย่างไรก็ตาม     น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุม ครม.จะเริ่มต้นขึ้นว่า ที่ประชุมจะมีการหยิบยกการที่องค์การนาซาจะขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศและสภาพอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเข้าหารือในที่ประชุม ครม.ด้วย     และไม่ว่าที่ประชุม ครม.จะมีผลออกมาเป็นอย่างไร ก็พร้อมที่จะแถลงข่าวด้วยตนเอง ซึ่งหากเข้าข่าย ม.190(2) ก็จะมีการเปิดประชุมสภาเพื่อพิจารณาด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุม ครม. นายกรัฐมนตรี ได้ไปเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เทิดไท้ 80 พรรษามหาราชินี เพื่อเป็นการระดมกำลังกวาดล้างยาเสพติด เยียวยาผู้เสพ และผู้ติดยา ในทุกระบบตลอดเดือน มิ.ย.นี้ ผ่านการบูรณาการทุกภาคส่วน และมีการประกาศเจตนารมณ์ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งทางตรงและทางอ้อม ป้องกันยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย     โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด และได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ เป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากเป็นภัยร้ายแรง ทั้งระดับครอบครัว สังคม และประเทศ ขณะเดียวกันจะต้องเร่งปราบปรามและจำแนกผู้เสพ เพื่อให้ได้รับการบำบัดด้วย

นายกฯ ปู พบปะประชาชนชาว อ.เชียงคำ จ.พะเยา เผยผลการหารือกับ นรม.ลาว เห็นชอบร่วมกันเปิดด่านชายแ ดนลาว บ้านฮวก อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อส่งเสริมการ
ค้าขา ย สร้างรายได้ให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น

 
นายกรัฐมนตรี มั่นใจเวทีเวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัม สร้างความเชื่อมโยงในภูมิภา คเอเชียตะวันออกให้แข็งแกร่ งยิ่งขึ้น


นายกรัฐมนตรี เปิดประชุมเวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัม ครั้งที่ 21 มั่นใจเวทีนี้สร้างความเชื่ อมโยงในภูมิภาคเอเชียตะวันอ อกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในการเปิดประชุมเวิลด์  อิโคโนมิค ฟอรัม ว่าด้วยภูมิภาคเอเชียตะวันอ อก ครั้งที่ 21 ว่า สมาชิกของภูมิภาคเอเชียควรด ึ...ดูเพิ่มเติม
 

ยิ่งลักษณ์ "การันตีไทยไม่มีม็อบข้างถนน

“ปู” ย้ำกลางเวทีนักธุรกิจออสเตรเลีย ไทยเป็นประเทศน่าลงทุน เหตุมีเสถียรภาพการเมือง ความแตกต่างทางการเมืองถูกนำไปโต้เถียงในรัฐสภา ไม่ใช่ท้องถนนอีกแล้ว พร้อมเดินหน้าสร้างความปรองดอง แก้รธน. บนหลัก ปชต.

...ดูเพิ่มเติม

 
 

นายกรัฐมนตรีพอใจผลการเยือน ออสเตรเลีย โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนการค้ าการลงทุนระหว่างไทย ออสเตรเลีย พร้อมทั้งเร่งส่งเสริมภาคอุ ตสาหกรรมอาหารไปลงทุนต่างปร ะเทศมากขึ้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับการเดินทางเยื อนออสเตรเลียอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ แต่มีในหลายประเด็นที่ยังเป ็นข้อจำกัดกับออสเตรเลีย เช่นการส่งออกสินค้าอาหารสด แช่แข็ง และแรงงาน ซึ่งในภาพรวมถือว่าประสบควา มสำเร็จ ไม่...ดูเพิ่มเติม

 
   
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเข้าร ่วมคณะของนายกรัฐมนตรีเยือน ราชอาณาจักรบาห์เรน และ รัฐกาตาร์อย่างเป็นทางการ ว่า การเยือนในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย ่างยิ่ง รัฐบาลได้เป็นตัวหลักในการเ ชื่อมสัมพันธ์ให้กับภาคธุรก ิจ นักลงทุนเอกชนได้ร่วมเดินทา งไปช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้ านต่าง ๆ ที่มีอยู่ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้ขยา ยระบบเศรษฐกิจให้กว้างขวางม ากขึ้น การมาเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นเรื่อง ความมั่นคงด้านอาหาร การขายพืชผลทางการเกษตร เพิ่มการค้าการลงทุน หาช่องทางด้านพลังงาน ซึ่งตรงกับความต้องการกับกล ยุทธ์ของประเทศในขณะนี้ นักธุรกิจมองว่าตะวันออกกลา งเป็นตลาดใหญ่ เราสามารถเป็นครัวโลก ที่ผลิตและเสริมความมั่นคงด ้านอาหารให้กับกลุ่มประเทศใ นตะวันออกกลาง ด้าน ปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง ด้านการท่องเที่ยว และที่ภูมิใจคือที่นี่เขามอ งว่าประเทศไทยเป็นอู่ข้าวอู ่น้ำด้านอาหารให้กับกลุ่มปร ะเทศเขาได้
นายกฯ นำนักธุรกิจกว่า 50 ราย ร่วมเจรจากับบาห์เรน เพื่อสร้างเสริมการค้าการลง ทุน


นายกรัฐมนตรี นำนักธุรกิจกว่า 50 ราย ร่วมเจรจากับบาห์เรน เพื่อสร้างเสริมการค้า การลงทุน ด้านพลังงานและการก่อสร้างส นามบินแห่งใหม่
ในโอกาสเดินทางเยือนราชอาณา จักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการ  ระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคม 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำนักธุรกิจกว่า 50 ราย ร่วมเดินทางกับคณะด้วย เพื่อเจรจาด้านการค้า การก่อสร้าง พลังงาน การเงินและการลงทุนต่างๆ สืบเนื่องจากการหารือเมื่อค รั้งที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรน  เดินทางเยือนประเทศไทยอย่าง เป็นทางการ และมีความประสงค์พบกับกลุ่ม ธุรกิจขนาดใหญ่ 3 บริษัท คือ กลุ่ม ปตท.อิตัลไทยและปูนซิเมนต์ไ ทย เพื่อหารือแนวทางสำรวจแหล่ง น้ำมัน การก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่  รวมทั้งการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ด้านการก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นโอกาสของไทยที่จะ ไปร่วมลงทุน รับงานก่อสร้าง รวมถึงส่งแรงงานไทยไปทำงานด ้วย
อย่างไรก็ตาม ไทยและบาห์เรนมีกรอบความร่ว มมือด้านวัฒนธรรมและการท่อง เที่ยวที่คืบหน้าไปมาก จึงจะอาศัยช่องทางนี้เพิ่มม ูลค่าการค้า การลงทุน ซึ่งเชื่อมั่นว่าการเจรจาคว ามร่วมมือต่างๆ จะช่วยเปิดตลาดต่างประเทศ และช่วยวางแผนขยายความร่วมม ือในอนาคต

ถวายพระพรเฉลิมพระเกียรติ “วันฉัตรมงคล”



วานนี้(5 พ.ค.)เมื่อเวลา 19.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นำคณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการระดับสูงและคณะทูตานุทูต กล่าวถวายพระพรเนื่องในงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวันฉัตรมงคล ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล มีใจความดังนี้
...ดูเพิ่มเติม

 

“นายกฯปู”คุย“ป๋าเปรม”ส่วนตัวครึ่ง
ชั่วโมงสุดชื่นมื่น

เมื่อเวลา 16.20 น. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาด ไทย กล่าวภายหลังที่เดินทางเข้า ขอพรพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ว่า ชื่นอกชื่นใจ เพราะพวกตนกับนายกฯ ก็เป็นผู้น้อยได้มีโอกาสเข้ าเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้า นเมือง ก็มีความอิ่มเอิบ เมื่อถามว่านายกฯได้หารือส่ วนตัวกับพล.อ.เปรมหรือไม่ นายยงยุทธ ตอบว่า ครับ มีเวลาได้คุยส่วนหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศจากบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ว่า ในช่วงบ่าย ก่อนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนำคณะรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง  เข้าพบเพื่อขอพรจาก พล.อ.เปรม เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ 

มีบรรดาสื่อมวลชนจำนวนมากมาปักหลักรอทำข่าวที่รั้วหน้าบ้าน แต่ไม่อนุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพภายในบริเวณบ้าน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจาก สน.สามเสน  20 นาย และได้มีการเตรียมกำลังตำรวจอีก 1 กองร้อยจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมพร้อมไว้ โดยพ.ต.อ.ฤทธิกร สายสนั่น ณ อยุธยา ผกก.สน.สามเสน มาดูแลความปลอดภัยด้วยตัวเอง

 
ฮุนเซนย้ำการไปสู่เป้าหมายข องประชาคมอาเซียน คือ "One Community, One Destiny"

เมื่อ 3 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางเข้าร่วมประชุมสุ ดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 และการฉลองครบรอบ 45 ปี อาเซียน ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่า เมื่อเวลา 09.15 นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสำนักงานนายกรัฐม นตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา  โดยมีสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและภริย า รอให...ดูเพิ่มเติม
 

จับตาวาระครม.รบ.ซื้อใจพักหนี้เกษตรกร ลูกหนี้ดี ขอ2,080ล.เยียวยาเหยื่อไฟใต้




จับตาวาระครม.ประจำวันที่ 24 เม.ย. ซึ่งมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เป็นประธาน จะย้ายไปประชุมกันที่ห้องประชุมงบประมาณ ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 3 มีวาระที่น่าสนใจต้องติด...ดูเพิ่มเติม

 

นายกฯปู”เข้าร่วมเวทีประชุมผู้นำ
ลุ่มแม่น้ำโขงที่ญี่ปุ่น



“นายกฯปู”เข้าร่วมเวทีประชุมผู้นำลุ่มแม่น้ำโขงที่ญี่ปุ่น ย้ำภาคเอกชนญี่ปุ่นเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนศก.ลุ่มน้ำโขง
วันนีี ( 20 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุรพงษ...ดูเพิ่มเติม

 

เมื่อเวลา 12.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางจากโรงแรมที่พัก ไปยังโรงแรม Imperial เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหา รกลางวันที่สมาพันธ์ธุรกิจญ ี่ปุ่น Keidanren และ Japan Chamber of Commerce and Industry (JCCI) จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ผู้นำประเทศลุ่มน้ำโขง 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม ณ ห้อง Hikari 
ภายหลังประธานเคดันเรน กล่าวต้อนรับแล้ว ได้เปิดโอกาสให้ผู้นำแต่ละป ระเทศกล่าวตามลำดับตัวอักษร  โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุน ทรพจน์ ต่อจากนายกรัฐมนตรีแห่งสหภา พเมียนมาร์ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีถือโอกาสนี้ กล่าวขอบคุณภาคเอกชนญี่ปุ่น  โดยเฉพาะเคดันเรน สำหรับความเชื่อมั่นที่มีให ้กับประเทศไทย หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยเมื ่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้แสดงให้เราได้ประจัก ษ์ว่า ภัยพิบัติของประเทศลุ่มแม่น ้ำโขง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชน และภาคธุรกิจของประเทศในลุ่ มแม่น้ำโขงเพียงอย่างเดียว แต่ได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่ การผลิตที่เชื่อมโยงระหว่าง ประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น  สร้างความเสียหายทางธุรกิจเ ป็นจำนวนมากให้กับภาคธุรกิจ ของญี่ปุ่น

ทั้งนี้ เพื่อข้อห่วงกังวลดังกล่าวข องภาคเอกชนญี่ปุ่น รัฐบาลไทยได้เร่งดำเนินมาตร การฟื้นฟูประเทศจากอุทกภัยม าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้อนุมัติการจัดต ั้งกองทุนส่งเสริมการประกัน ภัยพิบัติมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท หรือ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะช่วยคุ้มครองครัวเรือ นและผู้ประกอบการรวม 1.54 ล้านราย วงเงินคุ้มครองรวม 2.6 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 86,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความพยายามข้างต้นของรั ฐบาลไทย ได้แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับกา รลงทุนของญี่ปุ่นในประเทศไท ย โดยเฉพาะการลงทุนของบริษัทข นาดกลางและขนาดย่อมของญี่ปุ ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที ่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้ง ประเทศญี่ปุ่นและอนุภูมิภาค ลุ่มน้ำโขง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ผ่านมาภาคธุรกิจ ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญอย่างยิ ่งในการเป็นแกนกลางในการพัฒ นาความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ ่นกับประเทศลุ่มแม่น้ำโขง และจะสามารถมีบทบาทที่สำคัญ ยิ่งขึ้นในการสร้างเสริมควา มสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดนี้ให้แ นบแน่นยิ่งขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ชื่นชมกา รใช้ประโยชน์ทางธุรกิจจากโค รงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในอ นุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เป็นประเด็นท้าทายอีกประเด็ นหนึ่งที่ภาคเอกชนญี่ปุ่นจะ สามารถใช้เป็นกลไกสำคัญในกา รผลักดันในการพัฒนาจากแนวพื ้นที่การคมนาคมขนส่งให้เป็น แนวพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้ จริง

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวชื่นชมกรอบความร ่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่ว นร่วมของภาคเอกชน และหวังเป็นอย่างว่า ภาคเอกชนญี่ปุ่น ภายใต้การนำของเคดันเรนจะมี ส่วนร่วมในการร่างและปฏิบัต ิตามแผนปฏิบัติการฉบับใหม่ข องกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ ำโขงญี่ปุ่น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ เพื่อผลักดันให้ความร่วมมือ ระหว่างญี่ปุ่นกับลุ่มน้ำโข ง ประสบความสำเร็จและเกิดประโ ยชน์สูงสุดต่อการลงทุนของเอ กชนญี่ปุ่นในอนุภูมิภาค และต่อประชาชนของประเทศลุ่ม น้ำโขง 
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงคว ามขอบคุณอีกครั้งว่า ความร่วมมือของภาคเอกชนญี่ป ุ่นที่มีให้กับรัฐบาลไทยในช ่วงระหว่างและภายหลังเหตุกา รณ์อุทกภัย มีส่วนช่วยอย่างยิ่งในการเร ่งรัดกระบวนการฟื้นฟูระบบเศ รษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง โดยเร็ว
 

เมื่อ 17 เม.ย. น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยเดินทางถึงกรุงปักกิ่ง
เพื่อปฏิบัติภารกิจเยือนจีนอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน 

หมายกำหนดการของ น.ส.ยิง...ดูเพิ่มเติม

 

ไทย-ญี่ปุ่น ย้ำความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ  ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่ างกันแสนล้านเหรียญ ในปี 2017
เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ ( 7 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้หารือข้อราชการเ ต็มคณะ กับนายโยชิฮิโกะ โนดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ต่างแสดงความขอบคุณ ที่ทั้ง 2 ประเทศต่างช่วยเหลือกัน

ในช่วงที่ประเทศประสบพิบัติภัย ถือเป็นน้ำใจไมตรีที่ลึกซึ้ง และจะพัฒนาความสัมพันธ์ และความร่วมมือระหว่างกันในทุกม ิติ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ เห็นพ้องที่จะให้ความสำคัญของคว ามตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement – JTEPA) เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสร ิมเศรษฐกิจ ต้องการทำให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร ็ว โดยฝ่ายไทยเสนอตั้งเป้าเพิ่มมูล ค้าการค้าระหว่างกัน เป็น 100,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2017 เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับนักธุรก ิจ 2 ประเทศ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีไทย ยังให้ความมั่นใจในการแก้ปัญหาอ ุทกภัย และยินดีที่ทราบว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาให้ความช่วย เหลือเป็นเงินให้เปล่าแก่ไทย จำนวน 7,000 – 8,000 ล้านเยน เพื่อยกระดับถนนวงแหวนรอบกรุงเท พฯ และสร้างประตูระบายน้ำบริเวณแม่ น้ำป่าสัก ขณะที่ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แสดงความสนใจเข้าร่วมพัฒนาโครงส ร้างพื้นฐานของไทย รวมทั้ง บูรณะประเทศไทยจากอุทกภัย เพราะญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีชั้นสูง  ทั้งระบบรถไฟ ระบบราง และระบบการสื่อสารคมนาคม ทั้งนี้ ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ได้แถลงข่าวร่วมกัน ก่อนร่วมงานเลี้ยงอาหารคำ่ที่นา ยกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ

 

“ยิ่งลักษณ์” เยือนญี่ปุ่นพบนักลงทุน สร้างความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย ก่อนพบ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในช่วงบ่าย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ อยู่ระหว่างภารกิจการเยือนประเท ศญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ วันแรก โดยช่วงเช้าถึงบ่าย นายกรัฐมนตรี จะใช้เวลาในการพบปะนักลงทุนชาวญ ี่ปุ่น ในงานสัมมนานักธุรกิจ จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสร ิมการลงทุน (BOI) การพบปะกับภาคเอกชน และผู้ประกอบการท่องเที่ยว โดยนายกรัฐมนตรี จะใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่ น ในการแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งย ืน รวมทั้งชี้แจงมาตรการการป้องกัน อุทกภัย การดูแลภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นที่ ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย มาตรการส่งเสริมการลงทุนและสร้า งความมั่นใจในการขยายการลงทุนใน ประเทศไทย
จากนั้นในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี จะได้หารือข้อราชการกับ นายโยชิฮิโกะ โนดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยจะได้มีการหารือถึงการเสริมส ร้างความสัมพันธ์ไทย – ญี่ปุ่น พัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงย ุทธศาสตร์ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นต่อการ ฟื้นฟูประเทศหลังอุทกภัย มาตรการและแผนงานระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ในการบริหารจัดการน้ำ และการฟื้นฟูบูรณะนิคมอุตสาหกรร ม และป้องกันเหตุการณ์อุทกภัยในอน าคต รวมทั้งเชิญชวนญี่ปุ่น เข้าร่วมโครงการฟื้นฟูโครงสร้าง พื้นฐานของไทย

 

ดยุกแห่งยอร์กเยือนไทย ย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศในทุกระดับ (1/3/2012)
เจ้าชายแอนดรูว์ อัลเบิร์ต คริสเตียน เอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งยอร์ก เสด็จถึงทำเนียบรัฐบาล โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รอรับเสด็จฯ เพื่อหารือข้อราชการและกระชับคว ามสัมพันธ์ไทยและสหราชอาณาจักรใ นทุกมิติ ดูเพิ่มเติม

วันนี้ (29 ก.พ. 2555) เวลา 14.00 น. นายอูมารุ อะซอเรส สุไลมาน เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาในโอกาสที่จะพ้...ดูเพิ่มเติม

 

 


ประมวลภาพการเยือนมาเลเซียของนา ยกรัฐมนตรี

ไทยและมาเลเซีย ร่วมกันแก้ปัญหาและผลักดันก ารพัฒนาเพื่อความอยู่ดีกินด ีของประชาชนในจังหวัดชายแดน  (20/2/2012)

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมหารือเต็มคณะระหว่า งไทยกับมาเลเซีย ภายหลังเข้าร่วมพิธีต้อนรับ อย่างเป็นทางการ ณ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมืองปุตราจายา

วันนี้ (20 ก.พ.55) เวลา 15.30 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะประกอบด้วยบุคคลสำคัญ  อาทิ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโห ม พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่ง ชาติ นายนิรุตติ คุณวัฒน์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ ายการเมือง นางฐิติมา ฉายแสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำน ักนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาช าติกรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางต ่อไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีมา เลเซีย เมืองปุตราจายา เพื่อร่วมพิธีต้อนรับอย่างเ ป็นทางการ และภายหลังเสร็จสิ้นพิธีต้อ นรับอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีและดาโต๊ะ ซรี มูห์ฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน ฮัญจี อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีได้ร่วมหารือเต ็มคณะระหว่างไทยกับมาเลเซีย  โดยมีการหารือสรุปดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบ คุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ ่นและสมเกียรติซึ่งการเยือน มาเลเซียอย่างเป็นทางการครั ้งนี้ เพื่อแสดงเจตนารมณ์และความพ ร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับม าเลเซียทั้งในระดับทวิภาคีแ ละในกรอบอาเซียน เพื่อผลักดันความร่วมมือในด ้านต่างๆ ให้มีความคืบหน้าและเป็นรูป ธรรม นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันความส ัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างไท ยและมาเลเซีย โดยมาเลเซียเป็นประเทศเพื่อ นบ้านที่มีความสำคัญกับไทยแ ละเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดใน ทุกด้านและทุกระดับ ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันความพ ร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการ ประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-มา เลเซีย ( Joint Commission ) ครั้งที่ 12 เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือ ไทยและมาเลเซียให้มีความก้า วหน้า รวมทั้ง การจัดการประชุมระดับรัฐมนต รีเพื่อยุทธศาสตร์การพัฒนาร ่วมกัน ครั้งที่ 3 โดยสองฝ่ายจะได้ประสานงานเพ ื่อกำหนดเวลาที่สะดวกและเหม าะสม รวมทั้งหวังว่าจะได้พบกันอี กในการประชุมการหารือประจำป ีที่มาเลเซีย หรือ The Fifth Annual Consultation โดยหวังว่า ไทยและมาเลเซียจะได้เร่งสรุ ปร่างความตกลงต่างๆที่ค้างอ ยู่ เช่น ร่างความตกลงการเดินทางข้าม แดน ซึ่งไทยให้ความสำคัญ เนื่องจากความตกลงที่มีอยู่ ไม่ทันสมัยและไม่สะท้อนถึงส ภาพที่แท้จริงในปัจจุบัน กรอบความร่วมมือด้านการขนส่ งสินค้าและผู้โยสารทางถนนระ หว่างไทย-มาเลเซีย ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้ว ยความร่วมมือด้านการต่อต้าน การค้ามนุษย์ และการลงนามร่างบันทึกความเ ข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้า นเยาวชนและกีฬา นอกจากนี้ ไทยและมาเลเซียจะร่วมมือกัน พัฒนาเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และความกินดีอยู่ดีในพื้นที ่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย กับรัฐทางเหนือและตะวันออกข องมาเลเซียในกรอบ JDS อันจะช่วยเสริมสร้างเสถียรภ าพและความมั่นคงตามชายแดนไท ย - มาเลเซีย โดยให้ความสำคัญเร่งด่วนกับ โครงการสำคัญที่จะต้องดำเนิ นการตามกรอบเวลาที่ตกลงกันไ ว้ เช่น สะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก และการบูรณาการแผนพัฒนาและเ ขตเศรษฐกิจพิเศษ สะเดาและบูกิตกายูฮิตัม และไทยยืนยันการก่อสร้างจุด ตรวจ บ้านประกบ CIQ ให้แล้วเสร็จตามที่ตกลงไว้ นอกจากนี้ จะสนับสนุนความเชื่อมโยงในอ าเซียนและในกรอบ Indonesia - Malaysia-Thailand-Growth Triangle : IMT-GT ด้วย

นอกจากนี้ ในด้านการค้าและการลงทุน ไทยและมาเลเซียต่างเป็นหุ้น ส่วนที่สำคัญระหว่างกัน โดยไทยและมาเลเซียสามารถอาศ ัยจุดแข็งด้านเศรษฐกิจในการ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการ ค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมทั้งร่วมกันขยายการลงทุน ในประเทศที่สามเพื่อสนับสนุ นยุทธศาสตร์การพัฒนาทางเศรษ ฐกิจของประเทศ และร่วมกันสร้างประชาคมเศรษ ฐกิจอาเซียน ทั้งด้านการค้า การลงทุน และสนับสนุนการเชื่อมโยงระห ว่างกันในประชาคมอาเซียน โดยรัฐบาลมีนโยบายการสนับสน ุนการลงทุนจากต่างประเทศ และสร้างบรรยากาศที่เป็นมิต รต่อการลงทุน รวมทั้งการแก้ไขกฎระเบียบต่ างๆเพื่ออำนวยความสะดวกต่อก ารค้าและการลงทุน ทั้งนี้ประเทศต่างๆในภูมิภา คต่างต้องสร้างปฏิสัมพันธ์ท างเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เข้ม แข็ง และขยายความร่วมมือทางเศรษฐ กิจมหภาค

ไทยและมาเลเซียให้ความสำคัญ กับการเชื่อมโยงในทุกมิติแล ะทุกสาขา เพื่อส่งเสริมความมั่งคั่งท างเศรษฐกิจของประชาชนตามแนว ชายแดน และส่งเสริมการเชื่อมโยงในภ ูมิภาคด้วย ทั้งนี้ ไทยได้แสดงการสนับสนุนนายกร ัฐมนตรีมาเลเซียสำหรับข้อเส นอที่จะส่งเสริมธุรกิจและคว ามร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่า งภาคเอกชนของสองประเทศใน 6 สาขาสำคัญได้แก่ อุตสาหกรรม น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงาน อุตสาหกรรม ยานยนต์ ยางพารา น้ำตาล ข้าว และการท่องเที่ยว

ไทยและมาเลเซียยังได้เห็นพ้ องให้มีการส่งเสริมความร่วม มือด้านอุตสาหกรรมฮาลาลให้ม ีผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไทยมีจุดแข็งด้านฐ านอุตสาหกรรมการเกษตร และมีความเชี่ยวชาญด้านวิทย าศาสตร์ ฮาลาล ขณะที่มาเลเซียได้รับการยอม รับด้านระบบมาตรฐานฮาลาลระด ับสากล รวมถึงจะสนับสนุนให้มีการจั บคู่ธุรกิจ SMEs ฮาลาลระหว่างจังหวัดชายแดนภ าคใต้ของไทยและทางเหนือของม าเลเซียด้วย

สำหรับการแก้ไขปัญหาความไม่ สงบในภาคใต้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแสดงคว ามเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไ ขปัญหาของไทย โดยในหลักการแล้วมาเลเซียเห ็นว่าเป็นปัญหาภายในของไทย ซึ่งมาเลเซียในฐานะเพื่อนบ้ านประสงค์ให้มีการแก้ไขปัญห าอย่างยั่งยืน โดยมาเลเซียไม่สนับสนุนให้ม ีรัฐแยกต่างหาก และไม่เห็นด้วยกับการใช้ควา มรุนแรง รวมทั้งขอให้ประชาชนในภาคใต ้เป็นประชาชนที่จงรักภักดีแ ละเคารพในสถาบันพระมหากษัตร ิย์ โดยรัฐบาลต้องเข้าใจความรู้ สึกของประชาชนในพื้นที่ และส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบ าทในด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรมมากขึ้น รวมทั้งร่วมตัดสินใจในประเด ็นเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบ คุณมาเลเซียสำหรับความร่วมม ือและการสนับสนุนไทยในการแก ้ปัญหาในภาคใต้ รวมทั้งการสนับสนุนในกรอบ OIC ทั้งนี้ ไทยยินดีและสนับสนุนนโยบาย Global Movement of Moderates ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป ็นผู้ริเริ่ม เพื่อเป็นแนวทางการต่อสู้กั บการก่อการร้าย เพราะไทยเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ว่าความอดกลั้นเป็นกุญแจสำค ัญของสันติภาพและการพัฒนา ซึ่งสะท้อนอยู่ในนโยบายการพ ัฒนาเศรษฐกิจและความพยายามข องรัฐบาลในการแก้ปัญหาสถานก ารณ์ในจังหวัดภาคใต้ ด้วยการน้อมนำแนวปรัชญาเศรษ ฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทาง  รวมทั้งพระราชทานแนวทางการแ ก้ปัญหาโดยยึดหลัก เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญนายกรัฐ มนตรีมาเลเซียเยือนประเทศไท ยและเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum on East Asia ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการป ระชุมฯ ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายนนี้ รวมทั้งหวังว่าจะได้รับการส นับสนุนจากมาเลเซียในการเสน อตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2020

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตร ีมาเลเซียร่วมกันแถลงข่าวถึ งผลการหารือโดยต่างยืนยันว่ า ไทยและมาเลเซียมีพื้นฐานควา มสัมพันธ์ที่ดีและใกล้ชิดกั น และจะร่วมกันพัฒนาและแก้ปัญ หาทั้งด้านเศรษฐกิจและความม ั่นคง เพื่อความเจริญรุ่งเรืองและ ความอยู่ดีกินดีของประชาชนท ั้งสองประเทศ รวมทั้งการร่วมมือกันในกรอบ อาเซียน ที่จะร่วมกันพัฒนาสู่ประชาค มอาเซียนในปี 2558 รวมทั้งพัฒนาการเชื่อมโยงอา เซียนในทุกมิติ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยั งพระราชวัง Iatana Negara เพื่อเข้าเฝ้า ฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเล เซีย และในช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและภริ ยา เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเ พื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐม นตรีและคณะ ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรี ก่อนจะเดินทางกลับถึงประเทศ ไทย เวลา 23.40 น.

 
 
 

นายกรัฐมนตรี ร่วมงานและกล่าววัตถุประสงค ์ของการจัดงาน (10 กุมภาพันธ์ 2555)




ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 55 รูปไปยังอัลบั้มนายกรัฐมนตรี ร่วมงานและกล่าววัตถุประสงค์ของ การจัดงาน

 
 

ผบ.ทสส. เยือน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

 

1-2 ก.พ.55 พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะ เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชา ธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็น ทางการเพื่อกระชับความสัมพั นธ์ระหว่างสองกองทัพ

 

 
 

กองทัพไทย-ลาวทอดผ้าป่าพัฒนาสัมพันธ์ที่กรุงเวียงจันทน์


สปป.ลาว 2 ก.พ.-  พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) หลังเข้ารับตำแหน่ง พร้อมด้วยคณะนายทหารระดับสูงของกองบัญชาการกองทัพไทย ผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยประกอบกิจกรรมพัฒนาสัมพันธ์ด้านศาสนาและวัฒนธรรมด้วยการทอดผ้าป่าสามัคคี เสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพไทยและกองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ วัดป่าเลไล กรุงเวียงจันทน์ โดยฝ่ายลาวมี พลจัตวาบัวเสี้ยง จำปาพัน รองหัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการ เป็นประธานฝ่ายลาว 

ในโอกาสนี้ ทาง สปป.ลาวได้จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญโดยผู้อาวุโสของหมู่บ้านผูกข้อมือให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขณะที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้มอบอุปกรณ์การศึกษาให้ สปป.ลาว ด้วย  ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปฏิเสธให้สัมภาษณ์

 

นายกรัฐมนตรีเตรียมหารือโต๊ ะกลมระหว่างอาหารกลางวัน IGWEL กับผู้นำและผู้บริหารภาคเอก ชนทั่วโลก (27/1/ 2012) นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงนครซูริคแล้ ว เพื่อเข้าร่วมประชุมประจำปี WEF ครั้งที่ 42 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส พร้อมหารือทวิภาคีกับผู้นำป ระเทศต่าง ๆ และผู้บริหารระดับสูงจากภาค เอกชนทั่วโลก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงนครซูริคแล้วเมื่ อเวลา 22.10 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม 2555 ซึ่งเวลาที่นครซูริกช้ากว่า เวลาที่ประเทศไทย 6 ชั่วโมง โดยในเช้าวันนี้ (27 ม.ค.55) นายกรัฐมนตรีจะเดินทางออกจา กโรงแรม Radisson BLU ที่พัก นครซูริค ไปยัง Congress Centre เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส โดยมีกำหนดการจะหารือทวิภาค ีกับ His Royal Highness The Duke of York และเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรอง  จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเข้าร ่วมการหารือโต๊ะกลมระหว่างอ าหารกลางวัน ใน Informal Gathering of World Economic Leaders (IGWEL) ร่วมกับผู้นำ

นายกรัฐมนตรีเตรียมหารือโต๊ะกลม ระหว่างอาหารกลางวัน IGWEL

และผู้บริหารระดับสูงจากภาค เอกชนทั่วโลก หัวข้อ "Defining the Imperatives for 2012" ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับกา รเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ ยั่งยืน เสร็จแล้วจะหารือทวิภาคีกับ นาย Hiromasa Yonekura ประธานกรรมการบริหารของบริษ ัท Sumitomo Chemical Co.,Ltd. และประธานเคดันเรน รวมทั้งหารือทวิภาคีกับนาย Syed Yusuf Raza Gilani ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอ ิสลามปากีสถาน ต่อด้วยการให้สัมภาษณ์สำนัก ข่าว Financial Times และหารือทวิภาคีกับนาย Muhtar A.Kent ประธานกรรมการและประธานเจ้า หน้าที่ของบริษัท Coca Cola จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะหารือ กับผู้จัดการประชุม เพื่อเตรียมการก่อนอภิปราย โดยนายกรัฐมนตรีจะกล่าวเปิด การหารือและเข้าร่วมเป็นผู้ อภิปรายในการอภิปรายเต็มคณะ  ในหัวข้อ "Women as the Way Forward" เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับค่านิยมและรูปแบบก ารเป็นผู้นำของสตรี ในช่วงเย็นนายกรัฐมนตรีจะหา รือทวิภาคีกับนาย Walter Kiesholz,Chairman of the Board of Directors และนาย Michel M.Lies,Chairman Global Partnerships ของบริษัท SwissRe และช่วงค่ำนายกรัฐมนตรีจะเป ็นประธานในงาน Thailand Night พร้อมกล่าวถ้อยแถลงเปิดงาน ก่อนเดินทางกลับโรงแรมที่พั ก สำหรับการประชุม World Economic Forum (WEF) ถือเป็นเวทีการประชุมที่ใหญ ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะรวบรวมผู้นำประเทศ ผู้บริหารสูงสุดของภาคเอกชน  ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชนชั้นนำประมาณ 2,500 คน จากทั่วโลก เพื่อเข้าร่วมพบปะหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่ างกัน และเพื่อเป็นการชี้ให้เห็นถ ึงปัญหาใหญ่ของโลก แนวโน้ม และแนวทางการแก้ไข โดยในปีนี้ หัวข้อหลักของการประชุม WEF ครั้งที่ 42 คือ "The Great Transformation: Shaping New Models" ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความกั งวลของผู้นำโลกถึงความซับซ้ อนและความเชื่อมโยงของประเด ็นต่างๆ ในโลกภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจโ ลก และยังเป็นการเห็นถึงโอกาสใ นการเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบ การเจริญเติบโตแบบใหม่ รวมทั้งการเจริญเติบโตทางเศ รษฐกิจและเสถียรภาพทางการเม ืองในอนาคต ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการเข้าร่วม ประชุมของนายกรัฐมนตรีในครั ้งนี้ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์และสร ้างวิสัยทัศน์ที่ดีให้แก่ปร ะเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นต่อกา รฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยภ ายหลังเกิดเหตุอุทกภัยว่าภา คเอกชนของไทยยังคงมีความเข้ มแข็งและยังคงเป็นผู้นำตลาด โลก รวมทั้งประชาสัมพันธ์การเป็ นเจ้าภาพการประชุม WEF on East Asia ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2555 ที่ประเทศไทยด้วย

 

รมว.ทส. ร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี จังหวัดเชียงใหม่


เร็ว ๆ นี้ ณ ห้องประชุมอาคารอเนกประสงค์  ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงา นภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่น.ส.ยิ่งลั กษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐม นตรีอย่างเป็นทางการนอกสถาน ที่ ครั้งที่ 1 โดยโอกาสนี้ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย ากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้ วย

การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเ ป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งนี้ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย ากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในกา รลงพื้นที่อำเภอพญาเม็งรายแ ละอำเภอเวียงปาเป้า จังหวัดเชียงราย เพื่อรับทราบปัญหาและความต้ องการของประชาชนในพื้นที่ 2 อำเภอ ดังกล่าว

   
   

นายกรัฐมนตรีเปิด “ศูนย์ชุมชนสร้างสรรค์” ใต้ทางด่วนเพลินจิต 

นายกรัฐมนตรีเปิด “ศูนย์ชุมชนสร้างสรรค์” ใต้ทางด่วนเพลินจิต เป็นศูนย์ต้นแบบแห่งแรกในไท ย พัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก เยาวชน สตรี และครอบครัว (21/1/2012)
นรม. เปิดศูนย์ชุมชนสร้างสรรค์ร่ วมกับ สธ. - คม. - ไอซีที - พม. - สสส. พลิกที่ร้างเป็นทางเลือกใหม ่ของชุมชน ห้องสมุด กีฬา ดนตรี สสส. ตั้งเป้าปีแรก เปิด 3 แห่ง ก่อนขยายทั่วประเทศ 200 แห่ง หวังเทียบชั้น the Highway มหานครชั้นนำ - คลองชองเกชอน กรงุโซล ลดมลพิษได้ถึง 35%

วันนี้ (21 ม.ค. 55) เวลา 08.45 น. ณ บริเวณใต้ทางด่วนถนนสุขุมวิ ท (เพลินจิต) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด "ศูนย์ชุมชนสร้างสรรค์" โดยความร่วมมือของกระทรวงสา ธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศแล ะการสื่อสาร (ไอซีที) กระทรวงการพัฒนาสังคมและควา มมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการส ร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคีเครือข่ายกว่า 10 องค์กร จัดขึ้นเพื่อเปิดพื้นใต้ทาง ด่วน และพื้นที่ต่าง ๆ ให้เป็น "พื้นที่ชุมชนสร้างสรรค์" เสริมสร้างการเรียนรู้ร่วมก ันระหว่างคนในชุมชน อาทิ เกิดกิจกรรมเรียนรู้ ศิลปะ เทคโนโลยีไอทีสำหรับเด็ก เยาวชน สตรี
 

และครอบครัว แหล่งให้ปรึกษาด้านสุขภาพ จัดฝึกทักษะอาชีพสร้างรายได ้ จัดกิจกรรมออกกำลังกายของชุ มชน โดยมีนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาร ณสุข พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงค มนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข ้าร่วมงาน
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาร ณสุข กล่าวว่า เด็กไทยมีรูปแบบการดำรงชีวิ ตเปลี่ยนไป มีสภาพแวดล้อมที่เสี่ยง ขาดทางเลือกในการทำกิจกรรมส ร้างสรรค์ สถาบันทางสังคมและครอบครัวอ ่อนแอลง โดยผลสำรวจสุขภาพในปี 2551 - 2552 พบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน เป็นเด็ก 1.6 ล้านคน ผู้ใหญ่ 17.6 ล้านคน และคนอ้วนลงพุง 16.2 ล้านคน นอกจากนี้พบคนไทยสูบบุหรี่ 12 ล้านคน ดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลก อฮอล์ 23 ล้านคน ด้านสติปัญญาและพัฒนาการพบว ่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ประมาณ 1 ใน 5 มีสุขภาพจิตต่ำกว่าคนทั่วไป  ดังนั้นศูนย์ชุมชนสร้างสรรค ์ ซึ่งเป็นดำรินายกรัฐมนตรีที ่ต้องการให้เกิดการระดมความ คิดและการสนับสนุนจากภาครัฐ  และภาคประชาชน ในการพัฒนาพื้นที่ใต้ทางด่ว นให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางในก ารทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ส ำหรับเด็ก เยาวชน สตรีและครอบครัว เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส ุขภาพที่ดี ห่างไกลอบายมุขและยาเสพติด รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตข องประชาชนให้ดีขึ้นอย่างเป็ นรูปธรรม

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงค มนาคม กล่าวรายงานการส่งมอบพื้นที ่ใต้ทางด่วนว่า ยินดีอย่างยิ่งที่เกิดพื้นท ี่สร้างสรรค์ขึ้นจริง และเป็นประโยชน์ต่อชุมชน ซึ่งกระทรวงคมนาคมพร้อมจะร่ วมมือกับ สสส. และทุกหน่วยงาน เพื่อขยายพื้นที่ชุมชนสร้าง สรรค์ให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ ไทย โดยต้องการดึงเยาวชนเข้ามาย ังพื้นที่ศูนย์ชุมชนสร้างสร รค์ เพื่อให้เยาวชนเหล่านั้นห่า งไกลจากยาเสพติด และเสริมสร้างความรู้ในด้าน ต่าง ๆ ให้เยาวชนได้เกิดประโยชน์มา กที่สุด และกระทรวงคมนาคมพร้อมบูรณา การอีกหลายพื้นที่ที่ว่างเป ล่า เพื่ออีกหลายชุมชนได้มีสถาน ที่ที่ร่วมทำกิจกรรม

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับประชา ชนที่ได้รับการส่งมอบโครงกา ร "ศูนย์ชุมชนสร้างสรรค์" จากรัฐบาล ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของรั ฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพ ัฒนาคุณภาพชีวิตควบคู่ไปกับ การพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งเด็กและเยาวชนต้องเติบโ ตและเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมท ี่สร้างสรรค์ ผู้หญิงต้องมีโอกาสใช้ศักยภ าพและบทบาทอย่างเต็มที่ ทุกคนในฐานะสมาชิกของครอบคร ัวมีสุขภาวะที่ดี ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการสนับสนุนให้เก ิดศูนย์ชุมชนสร้างสรรค์ กระจายให้ครอบคลุมทั่วประเท ศ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใต้ทางด ่วน พื้นที่สาธารณะในชุมชน โดยอยู่บนหลักการว่า ชุมชนต้องเป็นผู้กำหนดและมี ส่วนร่วม พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทุกหน่ วยงานที่ร่วมมือในการทำงานร ่วมกันผลักดันโครงการจนเกิด เป็นรูปธรรมขึ้นมาในระยะเวล าไม่ถึงเดือน และร่วมกันบูรณาการความพร้อ มในทุกด้าน เพื่อที่จะมาต่อเติมเสริมทั กษะให้กับคนในชุมชนได้อย่าง มีประโยชน์

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ทำพิธีรับมอบพื้นที่ใต้ทางด ่วนบริเวณนนสุขุมวิท (เพลินจิต) จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทร วงคมนาคม และห้องสมุด E - Library จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเท คโนโลยีสารสนเทศและการสื่อส าร เพื่อส่งมอบไปยังรัฐมนตรีว่ าการกระทรวงสาธารณสุข หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ทำพิธีเปิดป ้ายอาคาร "ศูนย์ชุมชนสร้างสรรค์" โดยการกดปุ่ม และได้เดินชมกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการ อาทิ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (E - Library) โครงการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนเพื่อพ่อหลวง การสอนการทำครัว เช่น การประกอบอาหารที่เป็นประโย ชน์สำหรับเด็ก (นรม.ทำแซนวิชเพื่อสุขภาพ) และมีลานออกกำลังกาย สนามเด็กเล่น (นรม.วาดภาพปูแดงลงบนโต๊ะ) สนามฟุตซอล ห้องเรียนรู้สร้างสรรค์ (เขียนบอร์ดว่า ชวนเด็กไทยรักการอ่าน) เป็นต้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับมอบต้นไม ้กระถางแสดงความขอบคุณนายกร ัฐมนตรีจากตัวแทนเด็กและเยา วชนในชุมชน และรับมอบบัตร Easy Pass จากการทางพิเศษแห่งประเทศไท ย ก่อนเดินทางกลับ

ปรับครม.สับเปลี่ยน-เด้งรวม  16 ตำแหน่ง”สุกำพล”ไปคุมกลาโหม  ณัฐวุฒิเป็นรมช.เกษตร

นายกฯนำรายชื่อครม.ปู 2 ขึ้น ทูลเกล้าฯแล้ว”อารักษ์”อดีต ผู้บริหารไทยคมนั่งพลังงาน “สุกำพล”พ้นจากคมนาคมไปนั่ง กลาโหม เลขาฯพรรค”จารุพงศ์”เสียบแท น ส่วนณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้โควตานั่ง รมช.เกษตรฯ ประชาธิปัตย์ชี้เป็นเรื่องต ่างตอบแทนหลังจากจ่ายเงินเย ียวยาแล้วก็มาตอบแทนตำแหน่ง คให้คนเสื้อแดง

ปูนำชื่อครม.ใหม่ทูลเกล้าฯแ ล้ว

รายงานข่าวจากแกนนำพรรคเพื่ อไทย (พท.) เมื่อวันที่ 16 มกราคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้นำรายชื่อคณ ะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ขึ้นทูลเกล้าฯเป็นที่เรียบร ้อยแล้ว หลังจากในช่วงเช้าได้เรียกบ ุคคลที่มีโอกาสเข้ามารับตำแ หน่งรัฐมนตรี เข้ามายังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกรอกประวัติ และตรวจสอบคุณสมบัติ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรค เพื่อไทย นางนลินี ทวีสิน อดีตผู้แทนการค้าไทย และอดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อันดับที่ 125 และนายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย

อดีตซีอีโอไทยคมนั่งพลังงาน

สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีที่จะ ปรับเปลี่ยนครั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา จากรัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงกลาโหม เป็นรองนายกรัฐมนตรี ก่อนจะโยก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต จาก รมว.คมนาคม มานั่งเป็น รมว.กลาโหม แทน โดยให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรค เพื่อไทย ขึ้นเป็น รมว.คมนาคม

นอกจากนั้น ยังโยกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ไปดำรงตำแหน่งรองนายกฯควบ รมว.คลัง โดยให้นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง (ในสาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ขึ้นไปเป็น รมว. พาณิชย์ ขณะที่นายอารักษ์ ชลธารนนท์ อดีตผู้บริหารไทยคม จะเข้ามานั่งเป็น รมว.พลังงาน ส่วนนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็น รมว. ศึกษาธิการ โดยโยกนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เช่นเดียวกับนายนิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาล และนางนลินี ทวีสิน ที่จะเข้ามานั่งในตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ณัฐวุฒิรมช.เกษตรส่วนโกวิทห ลุด

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคน เสื้อแดง เป็น รมช.เกษตรฯ แทนนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ เป็นรมช.สาธารณสุข นายศักดา คงเพชร เป็น รมช.ศึกษาธิการ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย เป็น รมช.คลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ดอกเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการคมนาคมจ ากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษาด้านการคมนาคมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็น ลูกชาย พล.ต.อ.เสน่ห์ สิทธิพันธ์ อดีต ผบช.น. เป็น รมช.คมนาคม

ส่วนรัฐมนตรี ในสังกัดพรรคชาติพัฒนา (ชพ.) มีเปลี่ยนตำแหน่งเดียวแทน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล คือ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ อดีตคณบดีคณะนวัตกรรม ม.ธรรม ศาสตร์ ที่เข้ามานั่งในตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม จากการปรับ ครม.ครั้งนี้ มีบุคคลที่หลุดจากตำแหน่งทั ้งหมด 8 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ (รองนายกฯ) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล (รมว.คลัง) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ (รมว.พลังงาน) นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ (รมต.ประจำสำนักฯ) นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ (รมช.คมนาคม) นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ (รมช.เกษตรฯ) นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น (รมช.สาธารณสุข) และนายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล (รมช.ศึกษาธิการ)

ทักษิณเรียกส.ส.ตกรางวัล

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแ จ้งว่า ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียก ส.ส.พท.ให้เดินทางไปพบที่เม ืองดูไบ สหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์ โดยมีเลขานุการส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ดูแลเรื่องการเดินทา งและที่พักให้

ส.ส.ที่เดินทางไปประกอบด้วย  พ.อ. อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายพ้อง ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร

นอกจากนั้น ยังมี ส.ส.ที่ได้รับรางวัล ส.ส.ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่ นจากเมื่อครั้งงานเลี้ยงปีใ หม่พรรคเพื่อไทย ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้ว ย ประกอบด้วย นายอำนวย คลังผา ส.ส.สระบุรี นายอนันต์ ศรีพรรณ ส.ส.อุดรธานี นางชมภู จันทาทอง ส.ส.หนองคาย นายวิวัฒน์ไชย โหตระไวศยะ ส.ส.ศรีสะเกษ รวมถึง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกด้วย

โฆษกรัฐบาลยอมรับทูลเกล้าฯเ รียบร้อย

นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวยอมรับว่า นายกรัฐมนตรีได้ทูลเกล้าฯ โผแต่งตั้งโยกย้ายคณะรัฐมนต รี (ครม.) ไปเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา แบ่งเป็นการปรับเข้า-ออกและ สลับตำแหน่ง กว่า 10 ตำแหน่ง รายชื่อส่วนใหญ่ก็เป็นไปตาม ที่สื่อรายงาน คาดว่าโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งลงมาภายใน 2-3 วันนี้

พล.อ.อ.สุกำพลพร้อมคุมกลาโห มหากนายกฯเห็นชอบ

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาค ม เปิดเผยว่า ไม่รู้เรื่อง ปฏิเสธข่าวการปรับคณะรัฐมนต รี (ครม.) ที่อาจถูกโยกไปคุมกระทรวงกล าโหมแทน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโห ม แต่หาก นายกรัฐมนตรี เห็นว่า เหมาะสม ก็พร้อม 

รมว.คมนาคม กล่าวว่ากรณีการจับกุม ผู้ก่อการร้าย ขณะนี้ได้สั่งการให้มีความเ ข้มงวดเรื่องความปลอดภัยของ สนามบินต่าง ๆ ให้มากขึ้น วอนสื่อระมัดระวังในการนำเส นอข่าว เพราะอาจเป็นผลเสียต่อประเท ศ โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเท ี่ยว

จารุพงศ์รอโปรดเกล้าฯก่อน

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็น ถึงกระแสข่าวจะได้รับตำแหน่ งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนา คมในการปรับคณะรัฐมนตรี โดยขอให้รอโปรดเกล้าโปรดกระ หม่อมให้ชัดเจนก่อน 

พิชัยเก็บของพ้นกระทรวงพลัง งาน

ล่าสุดมีรายงานว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ได้ให้เจ้าหน้าที่มาเก็บของ ในห้องทำงานไปแล้ว และคงจะไม่เข้ามาที่กระทรวง อีก ในขณะที่ภารกิจช่วงเช้า ตามกำหนดการณ์ต้องมาเป็นประ ธานเปิดงานสัมนา “ฝ่าวิกฤตพลังงานด้วยบริการ  ESco ” ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ก็ได้แจ้งยกเลิกโดยให้เหตุผ ลว่าติดภารกิจสำคัญ ไม่สามารถเดินทางมาได้

ปชป.อัดรัฐบาลปรับครม.ตอบแท นเสื้อแดง

นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า กระแสข่าวการปรับ ครม. เป็นไปตามความคาดหมายที่รวบ รัดการปรับ ครม.โดยเร็ว เพราะกลัวแรงกระเพื่อมที่จะ เกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทย อีกทั้ง การปรับครม.ครั้งนี้เป็นการ เปิดทางให้กับแกนนำ นปช.เข้ามารับตำแหน่งแน่นอน  แสดงให้เห็นว่า กลุ่มคนเสื้อแดงมีความสำคัญ ในพรรคเพื่อไทยและยึดอำนาจภ ายในพรรคเพื่อไทยได้อย่างเบ ็ดเสร็จ เห็นจากการบีบบังคับให้ ครม.มีมติชดชเยเงินเยียวยาใ ห้คนเสื้อแดงศพละ7.75 ล้านบาทได้สำเร็จ และมาครั้งนี้ก็เข้ายึดตำแห น่งทางการเมืองในครม.ได้อีก

นายเทพไท กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งใหม่ ยังแสดงท่าทีเหนียมอายและห่ วงกระแสสังคม ที่ไม่กล้าให้ตำแหน่ง รมต.ให้แกนนำคนเสื้อแดง แต่ผ่านมาแค่ 4 เดือน ที่สุดก็เปิดเผยธาตุแท้ว่า คนเสื้อแดงต้องทวงบุญคุณเสี ยงสนับสนุนของมวลชนของตัวเอ งจนได้เป็นรัฐบาล หากไม่มีการสนองตอบต่อความต ้องการของคนเสื้อแดง รัฐบาลนี้อาจจะมีปัญหาทางกา รเมืองได้ เพราะยังมีภารกิจใหญ่ที่รัฐ บาลนี้ต้องทำอีกหลายอย่างที ่ต้องพึ่งพาคนเสื้อแดง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิ ดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ และการทวงคืนทรัพย์สินที่ถู กศาลสั่งยึด

“ถ้าหากรัฐบาลมีความคิดที่จ ะปูนบำเหน็จให้คนเสื้อแดงก็ ควรสนับสนุนให้นายจตุพร พรหมพันธ์ สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื ่อไทย เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย  หากเปรียบเทียบคุณสมบัติกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื ่อไทย นายจตุพรมีคุณสมบัติเหนือกว ่าหลายด้าน ทั้งวัยวุฒิ ความอาวุโสทางการเมือง ความรู้ความสามารถ ความกล้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตา ยให้ พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ด้อยกว่าน ายณัฐวุฒิ ประกอบกับนายจตุพรกำลังอยู่ ระหว่างกระบวนการตีความของศ าลรัฐธรรมนูญว่าจะขาดสมาชิก ภาพจากการเป็นสส.หรือไม่ ก็ควรได้รับการปูนบำเหน็จให ้เป้นรมต.เพื่อรองรับการหลุ ดพ้นจากการเป็นสส.ในเวลาอัน ใกล้”นายเทพไทกล่าว

ปชป.ชี้ต่างตอบแทนเสื้อแดง

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวมีชื่อนาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พท. มีตำแหน่งในการปรับ ครม. “ยิ่งลักษณ์ 2″ ว่า มีโอกาสสูงเพราะลักษณะของ พท. จะตอบแทนให้กับคนที่ทำงานให ้ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกปร ะชาชนที่ไม่ได้ชื่นชอบ แต่เป็นภาพที่คนสนับสนุน พท.รับได้ การปรับ ครม.จากนี้ไปจะเป็นการปรับเ พื่อตอบแทนบุญคุณกับคนที่ทำ งานทางการเมืองให้พรรคเพื่อ ไทยได้รับชัยชนะ

“ที่ผ่านมาตอบแทนหมดแล้วโดย เฉพาะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแล ะเสียชีวิต เห็นได้จากมติ ครม. อนุมัติเงินชดเชยเยียวยาให้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุ การณ์การชุมนุมทางการเมือง ขณะนี้เหลือเพียงเรื่องเดีย ว คือช่วยผู้ชุมนุมที่ถูกตัดส ิน ว่าทำผิดตามกฎหมายอาญาไม่ได ้รับโทษ ซึ่ง กำลังหาช่องทางช่วยด้วยการแ ก้รัฐธรรมนูญ”นายนิพิฏฐ์กล่ าว

 · แชร์

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิ ธียกเสาพระเมรุที่ใช้ในพระร าชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพส มเด็จพระเจ้าพี่ภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริ โสภาพัณณวดี

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิ ธียกเสาพระเมรุที่ใช้ในพระร าชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพส มเด็จพระเจ้าพี่ภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริ โสภาพัณณวดี เพื่อเป็นขวัญและสิริมงคลแก ่คณะทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้ อง

วันนี้ (16ม.ค.55) เวลา 11.30 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอำนวยกา รจัดงานพระราชพิธีพระราชทาน เพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่ ภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริ โสภาพัณณวดี ได้เป็นประธานในพิธียกเสาพร ะเมรุที่ใช้ในพระราชพิธีพระ ราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเ จ้าพี่ภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริ โสภาพัณณวดี เพื่อเป็นขวัญและสิริมงคลแก ่คณะทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้ อง โดยมี พลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้ างพระเมรุฯ คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพ ระเจ้าพี่ภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริ โสภาพัณณวดีข้าราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยว ข้องและสื่อมวลชนเข้าร่วมพิ ธี ณ บริเวณท้องสนามหลวงด้านทิศใ ต้ กรุงเทพมหานคร
 

เมื่อนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงบริเวณพิธีฯ พลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้ างพระเมรุฯ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของ การจัดพิธียกเสาพระเมรุฯ ว่า ตามคติความเชื่อของไทยแต่โบ ราณนั้น พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ ์ชั้นสูงล้วนได้รับนับถือว่ าทรงสืบเชื้อสายมาจากสมมติเ ทพ จึงเชื่อกันว่า เมื่อถึงวาระสุดท้ายแห่งพระ ชนม์ชีพ ทุกพระองค์จะเสด็จกลับคืนสู ่ทิพยสถาน ณ พระสุเมรุบรรพต ดังนั้น เมื่อจะถวายพระเพลิงพระศพ จึงมีการสร้างพระเมรุ เสมือนจำลองเขาพระสุเมรุจาก สรวงสวรรค์มาประดิษฐาน ณ บริเวณมณฑลพิธีใจกลางพระนคร  เพื่อส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย แม้พระเมรุจะมีรูปลักษณ์และ ขนาดแตกต่างลดหลั่นกันตามพร ะอิสริยยศ แต่องค์ประกอบต่างๆ ยังคงความวิจิตรบรรจง ตามคุณลักษณะของศิลปะสถาปัต ยกรรมไทยทุกประการ เพื่อความงดงามและสมพระเกีย รติยศ

การสร้างพระเมรุเป็นงานสถาป ัตยกรรมที่แสดงภูมิปัญญาช่า งอย่างสูง การออกแบบรูปลักษณ์การก่อสร ้างอาคาร การประกอบลวดลายประดิษฐ์ตกแ ต่งทุกส่วนให้เข้ากับอาคาร ล้วนต้องใช้ช่างที่มีความรอ บรู้ มีฝีมือและมีทักษะในงานศิลป กรรมและกระบวนช่างไทยทุกสาข ามาร่วมกันปฏิบัติงาน สิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ งคือ ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามโบ ราณราชประเพณีครบถ้วนทุกขั้ นตอน การยกเสาพระเมรุจึงเป็นจารี ตสำคัญของการเริ่มก่อสร้างอ าคารทางสถาปัตยกรรม เพื่อเป็นขวัญและเป็นสิริมง คลแก่คณะทำงานและผู้ที่เกี่ ยวข้อง คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเ มรุ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพ ระยานมาศ จึงกำหนดจัดพิธียกเสาพระเมร ุสำหรับประกอบพระราชพิธีพระ ราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเ จ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ขึ้นในเวลาอันเป็น มหัทธโนฤกษ์


จากนั้น นายกรัฐมนตรีประกอบพิธีพราห มณ์ โดยจุดธูป เทียนที่เครื่องบวงสรวง อาทิ ผลไม้ ดอกไม้ เมล็ดพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ ผ้าข้าว เป็นต้น เสร็จแล้วพราหมณ์พระมหาราชค รูพิธีศรีวิสุทธิคุณฯ ได้อ่านโองการบวงสรวง


ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้รดน้ำเทพมนตร์ และโปรยดอกไม้ พร้อมปิดทอง ผูกผ้า(ขาว)ที่เสา และถือสายสูตรยกเสาพระเมรุข ึ้นตั้ง ระหว่างนั้นพระสงฆ์เจริญชัย มงคลคาถา เจ้าพนักงานประเคนฆ้องชัย สังข์ บัณเฑาะว์ ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จากนั้นเป็นการรำบวงสรวง เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีถวายจ ตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา นายกรัฐมนตรีกรวดน้ำถวายเป็ นพระราชกุศล เสร็จแล้วได้กราบพระสงฆ์ เป็นอันเสร็จพิธี

 · แชร์

ตัวแทนภาคเอกชนมอบอุปกรณ์กา รเรียนและสิ่งของให้กับเด็ก  ๆ ที่เยี่ยมชมทำเนียบรัฐบาล (9/1/2012)

นายกรัฐมนตรี รับมอบอุปกรณ์การเรียนพร้อม สิ่งของจากตัวแทนทุกภาคส่วน เพื่อนำไปแจกจ่ายเนื่องในงา น วันเด็กแห่งชาติ

วันนี้ (9 ม.ค. 55) เวลา 09.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับมอบอุปกรณ์การเรียนพร้อม สิ่งของจากตัวแทนทุกภาคส่วน เพื่อนำไปมอบให้กับเด็ก ๆ เนื่องในโอกาสงาน "วันเด็กแห่งชาติ" ซึ่งตรงกับวันที่ 14 มกราคม 2555 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรายชื่อ ดังนี้

1. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งและคณะมอ บสมุด จำนวน 40,000 เล่ม ดินสอ จำนวน 40,000 แท่ง และไม้บรรทัด จำนวน 40,000 อัน

2. นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง พร้อมคณะมอบกระปุกออมสิน "รูปนายกรัฐมนตรี" จำนวน 280,000 ใบ จำนวน 1,680,000 บาท

3. นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงา นการตลาด บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะ มอบตุ๊กตาน้องอุ่นใจ จำนวน 2,555 ตัว

4. บริษัท เมเจอร์ ซินีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะ มอบบัตรของขวัญ ซึ่งประกอบด้วยสิทธิพิเศษต่ าง ๆ สำหรับน้อง ๆ ได้แก่บัตรชมภาพยนต์ฟรี จำนวน 1 ที่นั่ง บัตรรับป๊อปคอร์นฟรี 1 ถุง บัตรโยนโบลิ่งฟรี 1 เกม และบัตรเล่นไอซ์สเกตฟรี 1 ชั่วโมง จำนวน 10,000 ใบ รวมมูลค่า 4,000,000 บาท

5. นายเฮสเตอร์ ชิว ผู้บริหารบริษัท แมคไทย จำกัด (ร้านแมคโดนัลด์) พร้อมคณะ มอบคูปองสำหรับแลกอาหารหรือ พายไอศครีม จำนวน 10,000 ชุด

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี แสดงความขอบคุณตัวแทนทุกภาค ส่วนที่นำอุปกรณ์การเรียนแล ะสิ่งของมาแจกจ่ายให้กับเด็ ก ๆ เนื่องในงาน "วันเด็กแห่งชาติ"

  ·

รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงา นด้านสาธารณสุข หวังประชาชนมีสุขภาพที่ดี (9/1/2012)

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคต้องทำได้จริง

วันนี้ (9 ม.ค. 55) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรม การหลักประกันสุขภาพแห่งชาต ิมอบนโยบายด้านสุขภาพถ้วนหน ้า การประชุมคณะกรรมการหลักประ กันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาร ณสุข ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขร ่วมเข้าประชุม ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายด้ านสุขภาพว่า การดำเนินงานของกระทรวงสาธา รณสุขมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน  เมื่อประชาชนไปโรงพยาบาลต้อ งได้รับการดูแลรักษาอย่างรว ดเร็ว สะดวกสบายมากขึ้น และขอให้คณะกรรมการกระทรวงส าธารณสุขสานต่อสำหรับโครงกา ร 30 บาทรักษาทุกโรค โดยปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้นกว ่าเดิม เพราะรัฐบาลต้องการให้ดูแลเ รื่องการรักษาพยาบาลที่ยังไ ม่ครอบคลุมให้ครอบคลุมมากขึ ้น ที่สำคัญไม่ควรให้ผู้ป่วยเส ียเวลาในการรอพบแพทย์นานเกิ นไป

ในเรื่องสิทธิการเก็บค่ารัก ษาพยาบาลนั้น หากผู้ป่วยไม่มีรายได้ทางกร ะทรวงสาธารณสุขควรมีข้อยกเว ้นอย่างน้อยผู้ป่วยก็ต้องได ้รับการรักษา และต้องได้รับการรักษาที่เท ่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นกรุง เทพมหานครหรือต่างจังหวัด

ส่วนปัญหาเรื่องยาเสพติด การป้องกันและบำบัดผู้เสพยา เสพติดนั้น กระทรวงสาธารณสุขต้องเป็นหน ่วยงานหนึ่งที่มาช่วยเสริมก ับรัฐบาล ในการที่จะนำผู้เสพยาเสพติด มาบำบัด รักษาและพัฒนาให้ผู้เสพยาเส พติดกลับมาเป็นประชาชนปกติ

การลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ทางรัฐบาลได้มีการตั้งงบประ มาณเพิ่มขึ้นบางส่วน ปีที่ผ่านมามีการรักษาตลอดจ นบางโรคที่ยังไม่ครอบคลุมเท ่าที่ควร และอยากให้โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคได้จริง

ตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวยื นยัน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงา นด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่ เพราะพื้นฐานของสุขภาพเป็นส ิ่งสำคัญ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลจะดูแลผู ้ป่วยให้ได้รับสิทธิหลักประ กันสุขภาพพื้นฐานครบถ้วน ในอนาคตทิศทางหลักประกันสุข ภาพพื้นฐานจะเปลี่ยนไปอย่าง ไรนั้นรัฐบาลพร้อมทำงานร่วม กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเส ริมสร้างสุขภาพของประชาชนให ้ดียิ่งขึ้น

  · 
 

รวมน้ำใจต้านภัยหนาว หอการค้าไทย-จีน สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทยมอบผ้าห่มกันหนาวจำนวน 10000 ผืน แก่นายกรัฐมนตรี อาคารรัฐสภา

 

ข่าวย้อนหลังภาระกิจนายก ปี 2554

นายกรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรสลง นามถวายพระพรเนื่องในโอกาสว ันขึ้นปีใหม่ 2555 โดยมีพสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่ วมลงนามถวายพระพรเพื่อแสดงค วามจงรักภักดีกันอย่างเนือง แน่น วันนี้ (1 ม.ค.55) เวลา 09.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร คู่สมรส เดินทางมาลงนามถวายพระพรแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่  2555 ณ ห้องแดง ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้จัดสถานที ่ไว้ให้ข้าราชการ และเอกอัครราชทูต รวมทั้งประชาชนทั่วไปร่วมลง นามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพร ะเจ้าอยู่หัว ณ ศาลาว่าการพระราชวัง และ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยตั้งแต่เช้าวันนี้ได้มีข ้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายต่า งๆ รวมทั้งเอกอัครราชทูตต่างปร ะเทศประจำประเทศไทย ผู้นำเหล่าทัพ ตลอดจนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  รัฐมนตรี สมาชิกวุฒิสภา และประชาชนทั่วไป ไปร่วมลงนามถวายพระพรเพื่อแ สดงความจงรักภักดีกันอย่างเ นืองแน่น

 · แชร์
 

นายกรัฐมนตรีกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงปีใหม่ 

นายกรัฐมนตรีกำชับทุกหน่วยง านที่เกี่ยวข้องทั้งกองทัพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และศูนย์อำนวยการบริหารจังห วัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กระทรวงมหาดไทย ดูแลสถานการณ์ความรุนแรงในพ ื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงป ีใหม่ วันนี้ (26ธ.ค.54) เวลา 13.30 น. ณ บริเวณด้านหน้าห้องพักสื่อผ ู้สื่อข่าว ประจำทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงสถานการณ์ความรุ นแรงในบริเวณพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงป ีใหม่ ว่า ได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ ยวข้องไปแล้วในทุกพื้นที่ ทั้งในส่วนของกองทัพเจ้าหน้ าที่ตำรวจ และศูนย์อำนวยการบริหารจังห วัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กระทรวงมหาดไทย เข้าไปดูแลป้องกันภัยด้วยคว ามระมัดระวังและรอบคอบตลอดใ นช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงน ี้ เพื่อไม่ให้เกิดความประมาท ขณะเดียวกันวันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เรียกประชุมกระทรวงกล าโหมเพื่อกำชับในเรื่องดังก ล่าว รวมถึงในส่วนของฝ่ายความมั่ นคงก็ได้มีการประชุมหารือกั บ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อแบ่งงานในความรับผิดชอ บเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
 
 · แชร์
 

นายกรัฐมนตรีนำครม.วางพานพุ่มดอ กไม้ถวายราชสักการะเนื่องในวันส มเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช


นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีวางพา นพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะเนื่อ งในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหารา ช ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่

วันนี้ (28 ธ.ค.54) เวลา 16.30 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี วางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ กรุงเทพฯ และในเวลา 16.50 น. นายกรัฐมนตรี เฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ กรุงเทพฯ

 


นายกรัฐมนตรีชื่นชมมูลนิธิไ ทยรัฐ เป็นตัวอย่างที่ดี มีความเสียสละ ทำกิจกรรมเพื่อสังคม

นรม.พร้อมรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการร่วมงานวั น "กำพล วัชรพล" ประจำปี 2554 จัดโดยมูลนิธิไทยรัฐ

วันนี้ (27 ธ.ค.54) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 9 อาคาร 9 สำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  มูลนิธิไทยรัฐ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไ ทย และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังง าน ร่วมงานวัน "กำพล วัชรพล" ประจำปี 2554 โดยมี คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ประธานกรรมการมูลนิธิไทยรัฐ  และแขกผู้มีเกียรติให้การต้ อนรับ

สำหรับงานวัน "กำพล วัชรพล" จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีข อง คุณกำพล วัชรพล อดีตผู้อำนวยการหนังสือพิมพ ์ไทยรัฐ ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดโรงเรี ยนไทยรัฐวิทยาทั้ง 101 แห่ง ทั่วราชอาณาจักร และก่อตั้งมูลนิธิไทยรัฐขึ้ นมา เพื่อให้การอุปการะเกื้อหนุ นดูแลโรงเรียน นักเรียน และครูในโรงเรียน

ทั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรมสำคัญ 3 กิจกรรม ได้แก่ การมอบรางวัล "กำพล วัชรพล" สำหรับวิทยานิพนธ์ด้านสื่อส ารมวลชน , การมองรางวัลเชิดชูเกียรติแ ก่โรงเรียนไทยรัฐวิทยาดีเด่ น ผู้บริหารโรงเรียนไทยรัฐวิท ยาดีเด่น และครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยาด ีเด่นของภาคต่างๆ และการแสดงปาฐกถาพิเศษ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงคว ามชื่นชม ยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัล ทุกรางวัล ซึ่งทุกรางวัลเป็นรางวัลที่ มีคุณค่าและทรงเกียรติ สะท้อนให้เห็นถึงคุณงามความ ดีที่ได้ทำประโยชน์ต่อโครงก าร พร้อมทั้งกล่าวแสดงความภาคภ ูมิใจแทนท่านประธานกรรมการม ูลนิธิไทยรัฐ ที่มีบุคลากรที่ดีร่วมกันทำ โครงการ และกิจกรรมทางสังคมมาเป็นเว ลากว่า 30 ปี โดยเฉพาะการจัดตั้งโรงเรียน ต่าง ๆ ของมูลนิธิไทยรัฐ ทีมีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะพัฒนาเรื่องการศ ึกษา ให้ความสำคัญต่อคุณภาพของโร งเรียน บุคลากรทางการศึกษา รวมถึงคุณภาพของนักเรียน ทำให้ผลิตนักเรียนที่มีคุณภ าพสู่สังคมไทย นับได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดี  ที่มีความเสียสละทำงานเพื่อ กิจกรรมทางสังคม ทำให้การพัฒนาของเยาวชนไทยก ว้างไกล มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนา เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนา คนเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไ ทย และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังง าน ได้ขึ้นมอบรางวัลให้แก่ ผู้บริหารโรงเรียนไทยรัฐวิท ยาดีเด่น และครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยาด ีเด่นของภาคต่าง ๆ พร้อมทั้งร่วมถ่ายรูปเป็นที ่ระลึกก่อนเดินทางกลับ

  ·
 
 

นายกรัฐมนตรียืนยันรัฐบาลตร ะหนักถึงความสำคัญของกีฬา ต้องการพัฒนากีฬาเพื่อความเ ป็นเลิศ พัฒนากีฬาให้มีศักยภาพไปสู่ กีฬาอาชีพ

(26/12/ 2011) นรม.เผย การแข่งขันกีฬามีแพ้ มีชนะ สิ่งที่ประสบความสำเร็จขอให้รักษาไว ้ สิ่งที่ยังไม่ประสบความสำเร ็จขอให้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒ นาต่อไป ระบุ หัวใจหลักของการแข่งขันกีฬา  คือนักกีฬาต้องมีน้ำใจ รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้อภัย วันนี้ (26 ธ.ค.54) เวลา 18.00 น. ณ ราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทย ถนนรามคำแหง หัวหมาก กรุงเทพมหานคร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานประกาศเกียร ติคุณนักกีฬาดีเด่นแห่งชาติ  เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2554 และงานเลี้ยงฉลองชัยแก่คณะน ักกีฬาและผู้เกี่ยวข้องจากก ารแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ จากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมี พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโห ม ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห ่งประเทศไทย นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศ ไทย คณะกรรมการจัดงานวันกีฬาแห่ งชาติ ประจำปี 2554 คณะนักกีฬา เจ้าหน้าที่ แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความย ินดีกับนักกีฬาที่ได้รับราง วัล และกล่าวประกาศเกียรติคุณกั บนักกีฬาดีเด่นแห่งชาติว่า วันที่ 16 ธันวาคมถือเป็นวันประวัติศา สตร์ เป็นวันสำคัญทางการกีฬาของไ ทยซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอ ยู่หัวทรงเป็นนักกีฬาทีมชาต ิไทย และทรงชนะเลิศการแข่งขันกีฬ าเรือใบ ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ณ กรุงเทพมหานคร ยังความปลื้มปีติแก่ประชาชน ชาวไทยทั้งชาติ การที่นักกีฬาซึ่งเป็นตัวแท นของชาติ ได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ฝึกซ้อม ทุ่มเทพลังทั้งหมดในการแข่ง ขันจนประสบความสำเร็จ สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ  ถือเป็นการเสียสละเพื่อประเ ทศชาติตามรอยเบื้องพระยุคลบ าท นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือเจ้ าหน้าที่ ล้วนแต่มีบทบาทสำคัญที่ส่งเ สริมซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความสำเร็จในการแข ่งขันนำไปสู่เป้าหมายเดียวก ัน จึงถือว่าทุก ๆ คนเป็นบุคคลที่เสียสละ ต้องอดทนต่อความยากลำบากในก ารฝึกซ้อม อดทนต่อความกดดันต่าง ๆ เพื่อให้ได้ชัยชนะ นำชื่อเสียงเกียรติยศมาสู่ว งศ์ตระกูล และประเทศชาติอันเป็นที่รัก ยิ่งของคนไทย ทั้งนี้ การแข่งขันกีฬามีแพ้ มีชนะ สิ่งที่ประสบความสำเร็จขอให ้รักษาไว้ สิ่งที่ยังไม่ประสบความสำเร ็จขอให้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒ นาต่อไป ซึ่งหัวใจหลักของการแข่งขัน กีฬา คือนักกีฬาต้องมีน้ำใจ รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้อภัย ในส่วนของรัฐบาล ตระหนักถึงความสำคัญของกีฬา  ต้องการพัฒนากีฬาเพื่อความเ ป็นเลิศ พัฒนากีฬาให้มีศักยภาพไปสู่ กีฬาอาชีพ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างกี ฬาเพื่อสุขภาพ เพื่อความรักสามัคคี ต่อต้านยาเสพติด โดยจะสนับสนุนการกีฬาทั้งใน ระดับอำเภอ และระดับจังหวัดนำไปสู่การเ ป็นนักกีฬาระดับชาติต่อไป หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ มอบรางวัลให้นักกีฬาดีเด่นแ ห่งชาติจากการแข่งขันกีฬาซี เกมส์ ครั้งที่ 26 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่สาธารณรัฐอินโดนีเซีย รวม 10 ประเภท ดังนี้ 1.นักกีฬาสมัครเล่นดีเด่น ชาย ได้แก่ นายชัชวาล ขาวละออ นักกีฬาเทควันโด 2.นักกีฬาสมัครเล่นดีเด่นหญ ิง ได้แก่ นางสาวรัชนก อินทนนท์ นักกีฬาแบดมินตัน 3.นักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นดี เด่นชาย ได้แก่ นายณัฐพงษ์ เกษอินทร์ นักกีฬาว่ายน้ำ 4.นักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นดี เด่น ได้แก่ นางสาวเอรียา จุฑานุกาล นักกีฬากอล์ฟ 5.นักกีฬาอาชีพดีเด่น ได้แก่ นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว ป. ประมุข นักมวยไทย 6.นักกีฬามวยไทยอาชีพดีเด่น  ได้แก่ นายธนภัทร จวบรัมย์ 7.นักกีฬาคนพิการดีเด่นชาย ได้แก่ นาย กฤษณะ จอฉุย นักกีฬากรีฑา 8.นักกีฬาคนพิการดีเด่นหญิง  ได้แก่ นางวาสนา คูทวีทรัพย์ นักกีฬายิงธนู 9. ชนิดกีฬาดีเด่น ได้แก่ วอลเลย์บอล (หญิง) และ 10.ทีมกีฬาดีเด่น ได้แก่ แบดมินตัน ประเภททีมหญิง สำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส ์ที่ผ่านมา นักกีฬาไทยสามารถคว้ารางวัล ได้ทั้งสิ้น 109 เหรียญทอง 99 เหรียญเงิน และ 121 เหรียญทองแดง ได้อันดับ 2 จากภูมิภาคเอเชีย และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพา ราเกมส์นักกีฬาได้เหรียญ 126 เหรียญทอง 96 เหรียญเงินและ 73 เหรียญทองแดง ได้อันดับ 1 จากภูมิภาคเอเชีย

 · แชร์
 
 

นายกรัฐมนตรีชื่นชมการจัดสว ัสดิการชุมชนชาวอีสาน ชี้สะท้อนพลังความสามัคคีเพ ื่อประโยชน์ของคนในชุมชน (25/12/ 2011)

นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายการสนับสนุนกา รจัดสวัสดิการชุมชน พร้อมปิดงานสมัชชาสวัสดิการ ชุมชนคนอีสาน ครั้งที่ 4/ 2554 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (25 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.10 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงอาคารหอประชุมทีป ังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวั ดศรีสะเกษ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการ จังหวัดศรีสะเกษ คณะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จ.ศรีสะเกษ คณะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่ น และประชาชนจำนวนมากให้การต้ อนรับ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิท รรศการ จากนั้นรักษาราชการแทนผู้ว่ าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้ก ล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรี นางประมวล มาลัย ตัวแทนขบวนองค์กรสวัสดิการช ุมชนภาคอีสาน กล่าวรายงานผลการดำเนินงานต ามโครงการสนับสนุนการจัดสวั สดิการชุมชนและข้อเสนอแนะแน วทางปฏิรูประบบสวัสดิการโดย ขบวนองค์กรชุมชนภาคอีสานและ ภาคีท้องถิ่น จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบทุนสนับส นุนเพื่อสมทบทุนกองทุนสวัสด ิการชุมชนตำบล 20 จังหวัด (กองทุนได้รับการอนุมัติตาม โครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ.2554) มอบเกียรติบัตรแก่อำเภอที่ส ามารถดำเนินการจัดตั้งกองทุ นสวัสดิการชุมชนตำบลเต็มพื้ นที่อำเภอ 20 จังหวัด พร้อมมอบผ้าห่มให้กับประชาช นที่ประสบภัยหนาวจังหวัดศรี สะเกษ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้กำล ังใจแก่ขบวนสวัสดิการชุมชนภ าคอีสาน พร้อมมอบนโยบายการสนับสนุนก ารจัดสวัสดิการชุมชน และกล่าวปิดงานสมัชชาสวัสดิ การชุมชนคนอีสาน ครั้งที่ 4/ 2554 "ตุ้มโฮมคนอีสาน เสวนางานสวัสดิการชุมชน" สรุปสาระสำคัญว่า การจัดสวัสดิการต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ดีเป็นที่น่า ยกย่องชื่นชม ที่พี่น้องชุมชนคนอีสาน 20 จังหวัด ได้มีการรวมตัวกันอย่างเป็นธรร มชาติ และรวมตัวกันเพื่อให้เกิดนิ สัยรักการออม ที่จะต่อยอดประโยชน์ในการพั ฒนาชุมชน ทั้งนี้การดูแลคนในชุมชน สวัสดิการของคนในชุมชน การพัฒนาชุมชน รวมไปถึงการช่วยกันแก้ไขปัญ หาในชุมชน ถือเป็นสิ่งที่ดีที่น่ายกย่ องชื่นชมที่ทุกคนสามารถรวมต ัวกัน อันสะท้อนให้เห็นถึงพลังควา มสามัคคีกัน ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลอยากเห็นค ือคนไทยทุกคนมีความรัก ความสามัคคี ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็เป็ นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งสิ้น นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า วันนี้การทำงานต่าง ๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของชุม ชน หรือทางภาครัฐ คือหน่วยงานราชการทุกภาคส่ว น ผู้ว่าราชการจังหวัด รัฐบาล ต่างก็มีหน้าที่ดูแลความเป็ นอยู่ของประชาชน ดังนั้น เมื่อชุมชนมีความต้องการ มีความเห็นพ้องต้องกันในชุม ชน กลไกของผู้ว่าราชการจังหวัด  และกลไกของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็มีหน้าที่ดูแลให้การสนับส นุนการทำงานต่าง ๆ และความต้องการของชุมขนให้เ ป็นไปอย่างเรียบร้อยและสมบู รณ์ยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลมีหน้าที่ให้นโยบา ยและให้การสนับสนุน จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวั ดเป็นตัวกลางในการประสานนโย บายของรัฐบาลกับความต้องการ ของประชาชนเข้าด้วยกัน เพื่อให้ตรงต่อความต้องการม ากที่สุด สำหรับข้อเสนอต่าง ๆ ที่คณะกรรมการสวัสดิการชุมช นได้ยื่นให้ในวันนี้จะได้ส่ งมอบต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข ้องเพื่อนำไปพิจารณาต่อไป นายกรัฐมนตรียังขอให้ให้พี่ น้องชาวอีสาน และประชาชนคนไทยทุกคนมีแต่ค วามสุขในปีใหม่ที่จะถึงนี้ ซึ่งใน ปี 2554 นี้ ถือเป็นปีที่หนักของคนไทยที ่เจอกับมหาอุทกภัยร้ายแรง ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติ ศาสตร์ ดังนั้น รัฐบาลจะไม่ให้เกิดเหตุการณ ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับคนไทยอ ีก โดยจะถือโอกาสนี้กลับมาฟื้น ฟูประเทศตามโครงการระบบบริห ารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะภาคอีสานที่จะไม่ดู แค่เรื่องการป้องกันน้ำท่วม  แต่จะต้องดูแลเรื่องการป้อง กันภัยแล้งด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลจะเร่งอย่างเต็มที่ใน การดูแลความเป็นอยู่ของประช าชน รวมทั้งเร่งในเรื่องการดูแล ปกป้องอุทกภัยอย่างเต็มที่ รวมถึงการเยียวยาและฟื้นฟูใ ห้ชีวิตของทุกคนกลับมาเป็นป กติสุขโดยเร็ว พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ กล่าวอวยพรปีใหม่ ขอให้ประชาชนทุกคนมีความสุข ในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ โดยขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั ้งหลายจงดลบันดาลให้พี่น้อง ชาวอีสานและคนไทยทุกคน มีแต่สิ่งที่ดีและมีความเป็ นอยู่ ที่ดีขึ้นตลอดไป ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินพบปะทัก ทายกับประชาชนที่มาร่วมงาน ก่อนรับประทานอาหารกลางวัน แล้วออกเดินทางโดยขบวนรถยนต ์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะ เกษ ไปกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหา นคร

 · แชร์
 
 

นายกรัฐมนตรีและคณะ เป็นประธานพิธีเททองหล่อระฆังแผ่นดิน "สังควารี"วัดศรีบึงบูรณ์ อำเภอบึงบูรณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อ ณ บริเวณประรำพิธีวัดศรีบึงบูรณ์ 



วันนี้ (25 ธ.ค.54) เวลา 08.15 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณ ภูมิ จ.สมุทรปราการ โดยเครื่องบินของกองทัพอากา ศ ไปยังกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี เพื่อเดินทางต่อโดยขบวนรถยน ต์ไป อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ

เวลาประมาณ 11.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางถึงวัดศรีบึงบูรพ์ อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาค ม นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเ กษตรและสหกรณ์ คณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ศรีสะเกษ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีเ กษ และประชาชนมารอต้อนรับเป็นจ ำนวนมาก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้วางพวงมาลัย ใบเสมาหน้าพระอุโบสถแล้วเข้ าบูชาพระประธานในพระอุโบสถ ก่อนชมการแสดงรำจากกลุ่มชาว บ้าน ต.บึงบูรพ์ ที่หน้าพระอุโบสถ จากนั้น นายกรัฐมนตรีไปยังบริเวณปะร ำพิธี เพื่อเป็นประธานในพิธีเททอง หล่อพระระฆังแผ่นดิน "สังควารี" พร้อมถวายจตุปัจจัยแด่พระสง ฆ์ 5 รูป

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขึ้นเวทีปราศรั ยกับพี่น้องประชาชนชาวศรีสะ เกษ ว่า วันนี้ถือว่าเป็นวันดี และดีใจที่ได้มีโอกาสมาทำบุ ญที่วัดศรีบึงบูรพ์ และร่วมในพิธีเททองหล่อพระร ะฆังแผ่นดิน "สังควารี" ซึ่งเป็นระฆังทองที่ใหญ่ที่ สุดของประเทศไทย และเป็นอันดับ 8 ของโลก ถือเป็นความภูมิใจของชาวอำเ ภอศรีบึงบูรพ์ จึงขออนุโมทนาบุญไปยังประชา ชนทุกคนและคนไทยทั้งประเทศท ี่ประสบอุทกภัย ขอให้ผ่านพ้นไปในครั้งนี้ และให้พบแต่สิ่งที่ดีในปีให ม่ที่กำลังจะมาถึงนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่าต้อ งขอโทษพี่น้องชาวศรีสะเกษที ่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียน เนื่องจากปัญหาอุทกภัยครั้ง นี้ค่อนข้างหนัก แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ทอดทิ้งปร ะชาชน ได้ติดตามปัญหาของประชาชนจา ก ส.ส.ในพื้นที่และทางจังหวัด เพื่อให้ประชาชนได้รับการดู แลอย่างดี อย่างไรก็ตาม จากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น  รัฐบาลได้ให้การช่วยเหลือเย ียวยา หากใครที่ยังไม่ได้รับเงินช ดเชย ขอให้ไปแจ้งทางจังหวัด รัฐบาลพร้อมที่จะจ่ายเงินชด เชยเยียวยาให้ผู้ประสบอุทกภ ัยทุกคน นอกจากนี้รัฐบาลยังมีนโยบาย ที่จะดูแลประชาชน เช่น พักหนี้เกษตรกร โครงการ SML ที่จะลงไปยังชุมชน ชุมชนใดที่ได้รับความเสียหา ยจากอุทกภัย ให้ตกลงกันว่าจะแก้ปัญหาเรื ่องใดก่อน เพื่อนำงบประมาณของโครงการ SML ลงไปแก้ปัญหาในเบื้องต้น ทั้งนี้ ในเรื่องของการพัฒนาชุมชน ขอฝากทางกระทรวงมหาดไทยว่าอ ยากให้การพัฒนาต่าง ๆ นั้นเกิดการจ้างงานในชุมชนใ ห้มากที่สุด นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณให้กั บกองทุนหมู่บ้านเพื่อนำไปแก ้ปัญหาให้กับประชาชน รวมทั้งสนับสนุนโครงการ OTOP เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานชุมชน  ส่วนกองทุนพัฒนาสตรีนั้นกำล ังดำเนินการอยู่ ซึ่งทุกเรื่องที่ได้หาเสียง ไว้ รัฐบาลได้เดินหน้าทุกนโยบาย  โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวกับ ความเป็นอยู่ของประชาชน ที่จะเร่งฟื้นคืนความเป็นอย ู่ของประชาชนให้กลับมาเป็นป กติสุขโดยเร็ว

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า วันนี้ทุกเสียงของรัฐบาล ทุกเสียงของ ส.ส. มาจากเสียงของประชาชน ดังนั้น เราจะทำเพื่อประชาชนไม่ย้อท ้อ ขอเพียงประชาชนไม่ย่อท้อ ถ้าทุกคนสู้ เราจะเดินฟันฝ่าไปด้วยกัน เราจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างความสามัคคีเพื่อเดินไ ปด้วยกัน พร้อมกันนี้ขออวยพรปีใหม่ให ้ประชาชนทุกคน ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ด ีขึ้น และขอให้ประเทศไทยเดินต่อไป ข้างหน้าอย่างมีความสุข ภายใต้พระบารมีพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศ านุวงศ์ทุกพระองค์

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางโดยขบวนรถยนต์ไปม หาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เพื่อพบปะขบวนสวัสดิการชุมช นภาคอีสาน พร้อมมอบนโยบายการสนับสนุนก ารจัดสวัสดิการชุมชน และจะกล่าวปิดงานสมัชชาสวัส ดิการชุมชนคนอีสาน ครั้งที่ 4/2554 "ตุ้มโฮมคนอีสาน เสวนางานสวัสดิการชุมชน" ต่อไป
 · แชร์
 

นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) บันทึกเทปโทรทัศน์อาเศียรวา ท ถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



· แชร์
 

 
 
นายกรัฐมนตรีนำพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าทั่วประเทศร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (5/12/2011)
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 พร้อมนำพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันนี้ (5 ธ.ค.54) เวลา 19.19 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยมี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ รัฐวิสาหกิจ พ่อค้าและประชาชนทุกสาขาอาชีพ เข้าร่วมในพิธีเพื่อแสดงความจงรักภักดีอย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยได้ทำการถ่ายทอดสดพร้อมส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมไปยังทั่วประเทศด้วย

เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรส เดินทางถึง ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง วงดุริยางค์ 3 เหล่าทัพ บรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จบแล้ว นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวรายงานว่า ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล งานมหรสพสมโภช และการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการจัดพระราชพิธีและจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างสมพระเกียรติ

สำหรับในวันนี้ได้กำหนดจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร มูลนิธิ 5 ธันวามมหาราช และกองทัพภาคที่ 1 โดยผู้บริหารของส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิ ผู้แทนจากองค์กรภาคประชาชนต่างๆ ตลอดจนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าได้มาพร้อมกันอยู่ ณ ที่นี้ เพื่อร่วมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความจงรักภักดีถวายเป็นราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปพร้อมกับพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศในวาระอันเป็นมหามงคลยิ่งนี้

พร้อมกันนี้ขอกราบเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีได้เปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายเครื่องราชสักการะ จุดเทียนชัย กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติและนำกล่าวถวายพระพรชัยมงคลร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและสดุดีมหาราชาไปพร้อมกับประชาชนทั้งประเทศ

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เปิดกรวยกระทงดอกไม้ จุดเทียนชัย และถวายคำนับหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายกรัฐมนตรีกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และกล่าวถวายพระพรชัยมงคล ดังนี้

ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ข้าราชการ และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ที่มาชุมนุมพร้อมเพรียงกันอยู่ ณ ที่นี้ และในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ มีความปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมกัน แสดงพลังแห่งความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสมหามงคลสมัยที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2554 อันเป็นวาระสำคัญยิ่งของชาวไทยทั้งชาติในวันนี้

ปวงชนชาวไทยทั้งหลายล้วนประจักษ์ชัดแจ้งว่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงงานหนักเพื่ออาณาประชาราษฎร์และเพื่อบ้านเมืองเสมอมา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ โดยมิทรงย่อท้อต่อความยากลำบาก เพื่อบรรเทาทุกข์ของเหล่าราษฎร ทั้งสายพระเนตรที่ยาวไกล สะท้อนเป็นรูปธรรมผ่านโครงการพระราชดำริมากมายล้วนเป็นแนวทางที่แก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง แม้ในช่วงเวลาที่ทรงพระประชวรก็ยังทรงห่วงใยราษฎรและทรงงานอย่างต่อเนื่องไม่เคยหยุด เพื่อพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่อาณาประชาราษฎร์

ปรากฏการณ์ของมหาอุทกภัยร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในปีนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ทรงตักเตือนและทรงชี้แนวทางแก้ไขมาแล้ว ตั้งแต่เมื่อเกิดอุทกภัยครั้งสำคัญเมื่อพุทธศักราช 2526 และพุทธศักราช 2538 รัฐบาลร่วมกับพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และจักน้อมนำพระราชกระแสรับสั่งและแนวพระราชดำริที่เกี่ยวข้องมาเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาวให้เกิดผลสัมฤทธิ์จงได้

ขณะเดียวกันกับที่ชาวโลกกำลังเผชิญผลกระทบอย่างกว้างขวาง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทก็เป็นแนวทางที่ได้รับการยกย่องและเห็นพ้องต้องกันทั่วไปในประชาคมโลกว่า แนวปรัชญาตามพระราชดำริดังกล่าวเป็นวิถีทางที่เหมาะสมสำหรับการแก้วิกฤตและสามารถใช้เป็นครรลองดำเนินชีวิตของคนทุกชาติทุกภาษาได้อย่างแท้จริง

ข้าพระพุทธเจ้าและพสกนิกรชาวไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้เย็นศิระเพราะพระบริบาลโดยแท้นับแต่ทรงดำรงสิริราชสมบัติจวบจนกระทั่งปัจจุบันเป็นเวลากว่า 65 ปี พระมหากรุณาธิคุณแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเป็นที่ประจักษ์เทิดทูนและแซ่ซ้อง ด้วยพระอัจฉริยภาพอันล้ำเลิศ ตลอดจนน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยม ด้วยพระเมตตากรุณาและพระจริยวัตรที่งดงามยิ่ง ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงสถิตอย่างแนบแน่นในดวงใจของทวยราษฎร์ชั่วกาลนิรันดร์

เนื่องในมหามงคลอันพิเศษสุดนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำพสกนิกรน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคลโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ ดังนี้

"ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอประกาศความสามัคคีสมานฉันท์ รวมใจกันเป็นหนึ่ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติด้วยความจงรักภักดี และน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคล ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดดลบันดาลประทานพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง สถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้า ของปวงข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพสกนิกรไทยตลอดกาลนาน เทอญ" ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

นายกรัฐมนตรีถวายคำนับ แล้วรับโคมเทียน วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญ พระบารมี และ เพลงสดุดีมหาราชา จบแล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าวนำ "ทรงพระเจริญ" 3 ครั้ง ประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องทั่วท้องสนามหลวง จากนั้นเป็นการแสดงพลุดอกไม้ไฟโพโรเทคนิคเฉลิมพระเกียรติฯ การแสดงสายธารน้ำตก พเยียมาศ และพลุเทียน สวยสดงดงามตระการตาสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า

ชมพูนุท/รายงาน
· · แชร์
 

ไทย-จีน สานความสัมพันธ์สองประเทศครอบคลุมทุกมิติพร้อมจับมือร่วมพัฒนา เครือข่ายการเชื่อมโยงคมนาคมในภูมิภาค


นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนมีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย และร่วมหารือข้อราชการกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และเห็นพ้องที่จะสานความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ

วันนี้ เวลา 17.00 น. นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รอต้อนรับ บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เชิญ รองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ไปยังแท่นรับความเคารพ และตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้ ณ ห้องสีเหลือง

จากนั้นในเวลา 17.30 น. นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้หารือข้อราชการเต็มคณะ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ซึ่งฝ่ายไทย ประกอบไปด้วย บุคคลสำคัญ ได้แก่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุรวิทย์ คนสมบรูณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายปรีชา เร่งสมบรูณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนางสุกุมล คุมปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

สำหรับฝ่ายจีนประกอบไปด้วย บุคคลสำคัญ คือ นายหวาง เจียรุ่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิเทศสัมพันธ์แห่งพรรรคคอมมิวนิสต์จีน นายจาง จื้อจวิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายจู จือซิน รองประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ นายกว่าน มู่ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นายหวาง ฉินเฟิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงจัดตั้งแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายเฉิน เจี้ยน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายซือ จือหง รองหัวหน้าสำนักงานวิจัยนโยบายแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน

และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และราชอาณาจักรไทย จำนวน 6 ฉบับ ณ ห้องสีฟ้า ประกอบไปด้วย

1. หนังสือรับมอบความช่วยเหลืออุทกภัย (Handover Certificate)เป็นความช่วยเหลือที่รัฐบาลจีนได้ส่งมอบให้แก่รัฐบาลไทยแล้ว เป็นเงินสดจำนวน 1 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ และสิ่งของต่างๆเป็นมูลค่ามหาศาล โดยมีผู้ลงนาม ฝ่ายไทย คือ นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฝ่ายจีน คือ นาย เฉิน เจี้ยน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์จีน

2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาอย่างยั่งยืนไทย - จีน ในประเทศไทย มีเนื้อหาครอบคลุมความร่วมมือ 4 ด้าน (1) การพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ และระบบรางอื่นๆ (2) การพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจร (3) การวิจัยพัฒนาพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน หลังงานทดแทน โดยเฉพาะในชนบทของไทย (4) การพัฒนาด้านการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรบุคคล เช่น การส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ อาทิ computer tablets โดยมี ผู้ลงนาม ฝ่ายไทย คือ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายจีน คือ นายเฉิน เจี้ยน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน

3. สนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องโทษตามคำพิพากษา เป็นการขอโอนและการรับโอนตัวผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาระหว่างไทยกับจีน ผู้ลงนาม ฝ่ายไทย คือ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายจีน คือ นายจาง จื้อจุน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน

4. แผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ระหว่างปี 2554-2556 ซึ่งผู้ลงนาม ฝ่ายไทย คือ นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ฝ่ายจีน คือ นายกว่าน มู่ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

5. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางด้านทะเล ผู้ลงนาม ฝ่ายไทย คือ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฝ่ายจีน คือ นายหลิว ซื่อกุ้ย ตำแหน่ง Director (ระดับรัฐมนตรีช่วย) ทบวงกิจการทางมหาสมุทรแห่งชาติจีน

6. ความตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตราแบบทวิภาคี (Bilateral Swap Agreement) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารกลางจีน ผู้ลงนาม ฝ่ายไทย คือ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ฝ่ายจีน คือ นางหู เสี่ยวเลี่ยน รองผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน

ภายหลังการร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ นายกรัฐมนตรีได้นำรองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนไปเยี่ยมชมนิทรรศการ ก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ในเวลา 18.15 น. ซึ่งรัฐบาลไทยได้จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่รองประธานาธิบดีฯ

ซึ่งในโอกาสนี้ นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนถึงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับรองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สรุปสาระสำคัญดังนี้

ผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับรองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในวันนี้บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยความเป็นกันเองและเป็นมิตรไมตรีระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้ แสดงความขอบคุณรองประธานาธิบดีจีน สำหรับความช่วยเหลือด้านอุทกภัย ซึ่งจีนนับเป็นประเทศแรกที่ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศไทย ทั้งในรูปตัวเงินและสิ่งของจำนวนมาก และได้สร้างความซาบซึ้งใจให้แก่พี่น้องชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในโอกาสนี้ รองประธานาธิบดีจีนฯ ได้กล่าวชื่นชมที่รัฐบาลที่สามารถเอาชนะต่อภัยพิบัติอุทกภัยครั้งใหญ่นี้ได้ด้วยดี

สำหรับประเด็นความสัมพันธ์ไทย-จีน ผู้นำทั้งสองฝ่าย ได้แสดงความยินดีที่จะร่วมมือกันพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และยืนยันการให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้นำระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และระหว่างทุกภาคส่วน โดยมีการหารือถึงแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเน้นความสำคัญการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนใน 4 สาขา ได้แก่ 1) การพัฒนาเครือข่ายคมนาคมในเรื่องรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และเส้นทางอื่นที่เชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศอาเซียน 2) การพัฒนาระบบการจัดการน้ำอย่างครบวงจร 3) การวิจัยและการพัฒนาพลังงานสะอาดและราคาถูก ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ไทยประสงค์ที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประจำตำบล อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ซึ่งจีนเองมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ 4) การพัฒนาการศึกษาและทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะการส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายที่จะแจกคอมพิวเตอร์พกพาให้กับนักเรียนไทย และขอขอบคุณที่ รองปธน.จีนได้นำ tablet computer มามอบแก่นักเรียนไทย ระหว่างการเดินทางเยือนไทยครั้งนี้ด้วย โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความยินดีที่จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนใน 4 สาขา ซึ่งเป็นหนึ่งในความตกลงที่จะมีการลงนามในวันนี้ ทั้งสิ้น 6 ฉบับด้วย
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีชื่นชมแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนและบทบาทของจีนในการแก้ไขและฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การค้าระหว่างไทย-จีนขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 20 ซึ่งเป็นผลดีอย่างมาก อย่างไรก็ดี ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการตั้งเป้าหมายการค้าไทย-จีน ให้เพิ่มเป็นร้อยละ 20 ต่อปี รวมถึงการอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยด้วย

ด้านการลงทุน รัฐบาลทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสนับสนุนการลงทุนระหว่างกันอย่างแข็งขันต่อไปซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้รัฐบาลจีนสนับสนุนและส่งเสริมให้ภาคเอกชนจีนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่ไทยสนับสนุน โดยเฉพาะการลงทุนอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดเป้าหมายการลงทุนไทย-จีนในช่วง 5 ปีข้างหน้า ให้เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งจีนเองรับที่จะผลักดันให้บริษัทจีนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น

นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องให้มีการจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจไทย-จีน (Joint Commission เศรษฐกิจ) ระดับรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งจีนได้รับที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 3 ในโอกาสแรก เพื่อแสวงหารูปแบบใหม่ทางการค้าระหว่างกัน และผลักดันให้ยอดการค้าระหว่างสองประเทศให้มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2015

ด้านการท่องเที่ยว ในปีที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 57 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ตั้งเป้าหมายการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มขึ้นปีละร้อยละ 20 โดยทางฝ่ายจีนเห็นพ้อง และประสงค์ให้เพิ่มการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างกันปีละ 100 คน เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญด้วย

สำหรับประเด็นเรื่องการพัฒนาเครือข่ายการเชื่อมโยงคมนาคมในภูมิภาค นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยเปรียบเสมือนประตูของจีนสู่อาเซียน ดังนั้น ไทยจึงมีนโยบายผลักดันการเชื่อมโยงคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้านและจีน โดยโทยเห็นว่า จีนมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้การเชื่อมโยงในภูมิภาคและการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ซึ่งรองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้แสดงความพร้อมสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายคมนาคม และการสร้างรถไฟความเร็วสูงหลายเส้นทางที่เชื่อมจีนกับไทย และจะสนับสนุนให้ภาคเอกชนจีนเข้ามาศึกษาด้านเทคนิคในประเทศไทย เพื่อให้ความร่วมมือทางรถไฟ เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างสองประเทศ
ซึ่งในโอกาสนี้ รองประธานาธิบดีฯจีน ยังได้มีกล่าวถึง ความนิยมของพี่น้องประชาชนจีนเกี่ยวกับละครและสื่อบันเทิงของไทยด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกันอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาไทยและภาษาจีนระหว่างกัน

นอกจากนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค ซึ่งผู้นำทั้งสองต่างชื่นชมกับพัฒนาการในเมียนมาร์ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และมีการหารือถึงความสัมพันธ์อาเซียน-จีน โดยมีการย้ำที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับจีนในกรอบอาเซียน-จีนต่อไป ในฐานะที่ไทยจะเป็นประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-จีนในปี ค.ศ. 2012 ด้วย
ทั้งนี้ รองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีกำหนดการเยือนประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 22-24 ธันวาคม 2554 โดยมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะบุคคลสำคัญของไทยและพบปะกับบุคคลต่างๆ ที่เป็นมิตรที่ยาวนานกับจีน รวมทั้งจะเดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนไทย เพื่อมอบคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาให้แก่เด็กนักเรียน และเยี่ยมเยียนสถาบันขงจื่อ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย



นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะหัวห น้าส่วนราชการระดับปลัดกระท รวง ครั้งที่ 3/ 2554 (21 ธันวาคม 2554) นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้า ส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง  ครั้งที่ 3/ 2554 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  กระทรวงศึกษาธิการ
 · แชร์

ลอร์ด โพล แห่ง เบย์สวอตอร์ สมาชิกสภาขุนนาง ประธาน UK-Asia Task Force และผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มบ ริษัท Jardine สหราชอาณาจักร เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตร ี

(21/12/ 2011) ลอร์ด โพล แห่ง เบย์สวอตอร์ สมาชิกสภาขุนนาง ประธาน UK-Asia Task Force และผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มบริษัท Jardine สหราชอาณาจักร เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตร ี ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (21 ธ.ค. 54) เวลา 15.30 น. ลอร์ด โพล แห่ง เบย์สวอตอร์ (Lord Powell of Bayswater) สมาชิกสภาขุนนาง ประธาน UK-Asia Task Force และผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มบ ริษัท Jardine สหราชอาณาจักร เข้าเยี่ยมคารวะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ ลอร์ด โพล แห่ง เบย์สวอตอร์ กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุ การณ์อุทกภัยครั้งร้ายแรงใน ประเทศไทย และชื่นชมการบริหารจัดการแล ะการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลในค รั้งนี้ พร้อมกล่าวว่าภาครัฐและภาคเ อกชนสหราชอาณาจักรทั้งในประ เทศไทยและในสหราชอาณาจักร มีความพร้อมในการช่วยบรรเทา วิกฤตอุทกภัยในประเทศไทยอย่ างต่อเนื่อง และยังเสนอความช่วยเหลือด้า นการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อจัดการปัญหาโรคระบาดที ่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์อุ ทกภัยครั้งนี้ โอกาสนี้ ลอร์ด โพล แห่ง เบย์สวอตอร์ ได้สอบถามและแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นกับนายกรัฐมนตรีถึงส ถานการณ์ปัจจุบันและพัฒนากา รทางประชาธิปไตยของสาธารณรั ฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ซึ่งลอร์ด โพล แห่ง เบย์สวอตอร์และนายกรัฐมนตรี เห็นตรงกันว่า มีสัญญาณที่ดีในการพัฒนาเป็ นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบจากส าธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์  และทั้งสองฝ่ายพร้อมให้การส นับสนุนประชาธิปไตยในสาธารณ รัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ต่อไป  นอกจากนี้ ลอร์ด โพล แห่ง เบย์สวอตอร์ ยังแสดงการสนับสนุนแผนการปร องดองและสมานฉันท์ในประเทศไ ทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให ้ความมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการสร้างความ ปรองดองภายในประเทศอย่างดีท ี่สุด โดยการดำเนินการทุกอย่างจะเ ป็นไปตามหลักกฎหมายและตามคำ แนะนำของคณะกรรมการอิสระตรว จสอบและค้นหาความจริงเพื่อก ารปรองดองแห่งชาติ (คอป.) สำหรับสถานการณ์ในภาคใต้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลเน้นการแก้ป ัญหาโดยปราศจากความรุนแรง รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีการรั บฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถ ูกต้องระหว่างกัน ในขณะเดียวกัน จะมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ขอ งประชาชนในจังหวัดชายแดนภาค ใต้ควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ ลอร์ด โพล แห่ง เบย์สวอตอร์ ยืนยันว่า จะช่วยส่งเสริมการลงทุนจากส หราชอาณาจักรในประเทศไทยต่อ ไป และขอบคุณที่รัฐบาลไทยได้สร ้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีอย ่างต่อเนื่อง

 · แชร์


นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว "โครงการการช่วยเหลือด้านพล ังงานแก่ประชาชนและผู้ประกอ บการที่ประสบอุทกภัยปี 2554" ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล



(H.E. Mr. Lim Jae-hong) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในโอกาสเข้ารับหน้าที่ใหม่
(H.E. Mr. Lim Jae-hong) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในโอกาสเข้ารับหน้าที่ใหม่ ณ ห้องสีงาช้าง 

 

ไทย-เมียนมาร์เดินหน้าสานต่ อความร่วมมือ เพื่อเสถียรภาพและความมั่นค งของทั้งสองประเทศ (20/12/2011)

นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งส หภาพเมียนมาร์ ระหว่างการเดินทางเยือนฯ เพื่อเข้าร่วมประชุม GMS ครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้น ณ นครเนปิดอว์ โดยใช้โอกาสนี้ติดตามความคื บหน้าและกระชับความร่วมมือไ ทย-เมียนมาร์ให้แน่นแฟ้นยิ่ งขึ้น

วันนี้ (20 ธันวาคม 2554) ภายหลังพิธีลงนามในแถลงการณ ์ร่วมผู้นำ (Joint Declaration of the Forth GMS Summit) และพิธีปิดการประชุม เวลา 14.30 น. ณ Myanmar International Convention Center นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งส หภาพเมียนมาร์ ได้ร่วมหารือทวิภาคีร่วมกัน  ภายหลังการหารือ นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงผลการหารือ สรุปได้ดังนี้

ในโอกาสนี้ ผู้นำทั้งสองต่างแสดงความยิ นดีต่อความสัมพันธ์ไทย-พม่า  ที่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยเฉพาะนับตั้งแต่การเยือน เมียนมาร์อย่างเป็นทางการขอ งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554 และทางการเมียนมาได้เปิดจุด ผ่านแดนเมียวดี เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา รวมทั้งมีการปล่อยตัวนักโทษ ชาวไทยจำนวน 8 คนจากทัณฑสถานเกาะสอง เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระช นมพรรษาครบ 7 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว ซึ่งทั้งรัฐบาลไทยและประชาช นชาวไทยรู้สึกซาบซึ้งในไมตร ีจิตของเมียนมาร์เป็นอย่างย ิ่ง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมนโยบา ยของรัฐบาลเมียนมาร์ภายใต้ก ารนำของประธานาธิบดีคนปัจจุ บันและเห็นว่าเมียนมาร์มีพั ฒนาการภายในประเทศในทิศทางบ วก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรองดอ งแห่งชาติและความสำเร็จในกา รเจรจาหยุดยิงกับชนกลุ่มน้อ ยหลายกลุ่ม โดยไทยยืนยันที่จะสนับสนุนก ารดำเนินการของรัฐบาลเมียนม าร์ และหวังว่านโยบายการปรองดอง แห่งชาติจะเดินหน้าต่อไปและ ประสบความสำเร็จ

ระหว่างการสนทนา นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นที่ จะผลักดันกลไกหารือทวิภาคีท ี่สำคัญให้เดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมาธ ิการว่าด้วยความร่วมมือทวิภ าคีไทย-เมียนมาร์ (Thailand-Myanmar Joint Commission on Bilateral Cooperation - JC)

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึง กรณีที่ทางการเมียนมาร์ขอให ้ไทยช่วยเร่งรัดการซ่อมแซมเ สาตอม่อสะพานมิตรภาพไทย-เมี ยนมาร์ เมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรีเ ดินทางเยือนเมียนมาร์อย่างเ ป็นทางการ ว่า ในขณะนี้ คณะรัฐมนตรีของไทยได้อนุมัต ิให้กรมทางหลวงดำเนินการซ่อ มแซมสะพานฯ และเส้นทางเชื่อมไทย-เมียนม าร์ในพื้นที่เมียวดีแล้ว เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 ที่ผ่านมา และไทยจะผลักดันโครงการท่าเ รือน้ำลึกทวาย ซึ่งไทยหวังว่าจะได้รับการส นับสนุนจากเมียนมาร์ในการเป ิดจุดผ่านแดนบ้านน้ำพุร้อน จ.กาญจนบุรีโดยเร็ว ขณะนี้ไทยมีความพร้อมที่จะร ่วมสำรวจและจัดเก็บรายละเอี ยดภูมิประเทศ (Joint Detail Survey) เพื่อเตรียมดำเนินการในขั้น ตอนต่อไปแล้ว

จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางออกจากเนปิดอว์ไปยัง ท่าอากาศยานเนปิดอว์ เพื่อเดินทางไปยังกรุงย่างก ุ้ง เพื่อพบนางออง ซาน ซูจี ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทยประ จำกรุงย่างกุ้ง ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยใน เวลาประมาณ 21.40 น.

 
 

นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงสาธา รณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อเข้าร่วมประชุมอนุภูมิ ภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 4

นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงเสาธ ารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อเข้าร่วมประชุม GMS ครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้น ณ นครเนปิดอว์ โดยจะใช้โอกาสนี้ติดตามความ คืบหน้าและกระชับความร่วมมื อไทย-เมียนมาร์ให้แน่นแฟ้นย ิ่งขึ้น

วันนี้ (19 ธันวาคม 2554) เวลา 15.30 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลสำคัญ อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐม นตรีและรัฐมนตรีประจำแผนงาน  GMS นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่ างประเทศ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโน โลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังง าน ได้เดินทางออกจากท่าอากาศยา นสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อไปยังท่าอากาศยานเนปิด อว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร ์ เพื่อเข้าร่วมการประชุม GMS ครั้งที่4

เมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินท างต่อไปยังศูนย์ประชุมนานาช าติเมียนมาร์ เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหา รค่ำ

เวลา 19.00 น. นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมงาน เลี้ยงอาหารค่ำที่ประธานาธิ บดีเมียนมาร์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงเพื่อเป็น เกียรติแก่ผู้นำที่เข้าร่วม การประชุมสุดยอดกรอบความร่ว มมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภา คลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 4 ณ Banquet Hall ชั้น 1 ศูนย์การประชุมนานาชาติเมีย นมาร์ ก่อนเดินทางกลับโรงแรมที่พั ก

  · 
 
 


นายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ (Gala Dinner) เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เข้า ร่วมการประชุม (19 ธันวาคม 2554) นายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ (Gala Dinner) เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เข้า ร่วมการประชุม
 

2554 (18/12/ 2011) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่ งสหภาพเมียนมาร์ ในวันที่ 19-20 ธันวาคม 2554 ณ นครเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร ์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดย อดกรอบความร่วมมือทางเศรษฐก ิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโข ง ครั้งที่ 4

 
โครงการพัฒนาความร่วมมือทาง เศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ ำโขง เป็นความร่วมมือของ 6 ประเทศ ตั้งแต่ปี 2535 โดยธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB: Asian Development Bank) เป็นผู้ให้การสนับสนุนหลัก โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวท างการค้า การลงทุนอุตสาหกรรม การเกษตร และบริการ สนับสนุนการจ้างงานและยกระด ับความเป็นอยู่ของประชาชนใน พื้นที่ให้ดีขึ้น ส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมื อทางเทคโนโลยีและการศึกษาระ หว่างกัน ตลอดจนการใช้ทรัพยากรธรรมชา ติที่ส่งเสริมกันอย่างมีประ สิทธิภาพและเพิ่มขีดความสาม ารถ รวมทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจในเ วทีการค้าโลก ทั้งนี้ GMS มีสาขาความร่วมมือทั้งสิ้น 9 สาขา ได้แก่ คมนาคมขนส่ง โทรคมนาคม พลังงาน การค้า การลงทุน การเกษตร สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สำหรับการประชุมระดับผู้นำน ั้น จัดขึ้นทุก 3 ปี โดยกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดกา รประชุมระดับผู้นำ GMS ครั้งแรกเมื่อปี 2545 และจีนเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 2 เมื่อปี 2548 จากนั้นลาว เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 3 เมื่อปี 2551 ในการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 4 นี้ ที่ประชุมจะได้ทบทวนการดำเน ินงานและความสำเร็จของแผนงา น GMS ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒ นาแผนงาน GMS ฉบับแรก ปี 2002-2012 ที่ได้ประสบผลสำเร็จในการสร ้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และลดความยากจน และได้มีการลงทุนในโครงการต ่างๆ เช่น การพัฒนาเส้นทางคมนาคมจำนวน  55 โครงการ รวมถึงการเติบโตของมูลค่าผล ิตภัณฑ์มวลรวมของอนุภูมิภาค ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่ อง และในโอกาสนี้ ที่ประชุมจะได้หารือและแลกเ ปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับ กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาแผนง าน GMS ฉบับใหม่ (New GMS Strategic Framework 2012-2022) ที่ได้กำหนดแนวทางการทำงานแ บบบรูณาการที่ชัดเจนมากขึ้น
 นอกจากนี้ ที่ประชุมจะได้มีการลงนามเอ กสารบันทึกความเข้าใจ 3 เรื่อง ได้แก่ MOU for Joint Action to Reduce HIV Vulnerability Related to Population Movement, MOU on the Joint Cooperation in Further Accelerating the Construction of the Information Superhighway and its Application in the GMS and MOA on the Establishment the GMS Freight Transporters Association (FRETA) ด้วย นายกรัฐมนตรีและคณะมีกำหนดก ารดังนี้ วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2554 นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางจา กท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 16.00 น. ซึ่งเมื่อเดินทางถึงท่าอากา ศยานเนปิดอว์ นายกรัฐมนตรีและคณะมีกำหนดก ารเข้าร่วมหารือทวิภาคีกับน ายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติเมีย นมาร์ (Myanmar International Convention Center/ MICC) โดยคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะหารือเพื่อติ ดตามความคืบหน้าและกระชับคว ามร่วมมือไทย-เมียนมาร์ให้แ น่นแฟ้นยิ่งขึ้น นับตั้งแต่การเยือนเมียนมาร ์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐ มนตรี เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554 ซึ่งที่ผ่านมา มีพัฒนาการความสัมพันธ์อย่า งต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่รัฐบาลเมียนม าร์ได้ตัดสินใจเปิดจุดผ่านแ ดนเมียวดี และมีการปล่อยตัวนักโทษชาวไ ทย และสนับสนุนพัฒนาการทางการเ มืองภายในเมียนมาร์ที่เป็นไ ปในทิศทางบวก ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาส นี้ยืนยันความพร้อมของไทยใน การร่วมมือกับเมียนมาร์ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือนา ยกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมงานเลี ้ยงอาหารค่ำที่นาย เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งส หภาพเมียนมาร์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยง เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำที ่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกร อบความร่วมมือทางเศรษฐกิจใน อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 4 ณ Banquet Hall ชั้น 1 ศูนย์การประชุมนานาชาติเมีย นมาร์ ในวันที่ 2 ของการเข้าร่วมการประชุม เวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้า ร่วมเพื่อร่วมพิธีเปิดการปร ะชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือท างเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่ม แม่น้ำโขง ครั้งที่ 4 (4th GMS Summit) ณ Banquet Hall ชั้น 1 จากนั้นจะมีการถ่ายภาพหมู่ร ะหว่างผู้นำประเทศสมาชิก GMS 6 ประเทศบนเวที จากนั้นผู้นำประเทศสมาชิก GMS จะร่วมกันชมวีดิทัศน์เกี่ยว กับความสำเร็จภายใต้กรอบควา มร่วมมือทางเศรษฐกิจในกรอบอ นุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ในสาขาด้านการท่องเที่ยว การเกษตร และสภาพแวดล้อม ต่อมาเวลา 09.55 น. ผู้นำประเทศสมาชิก GMS จะร่วมเป็นสักขีพยานการลงนา มในบันทึกความเข้าใจ และรับฟังรายงานผลการประชุม  GMS Business and Investment Conference จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเข้าร ่วมการประชุมสุดยอดกรอบความ ร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูม ิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 4 และจะเข้าร่วมพิธีลงนามในแถ ลงการณ์ร่วมผู้นำ (Joint Declaration of the Fourth GMS Summit) หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีและ คณะเดินทางออกจากเนปิดอว์ไป ยังกรุงย่างกุ้ง เพื่อไปหารือกับนางออง ซาน ซู จี ในเวลา 17.30 น. ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทยประ จำกรุงย่างกุ้ง ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยใน เวลาต่อมา
 · แชร์

นายกรัฐมนตรีชี้ประชุมจีบีซ ีกับกัมพูชาเพื่อกำหนดท่าที ของทั้งสองฝ่าย

(17/12/ 2011) นายกรัฐมนตรีระบุการประชุมจีบีซีครั ้งนี้ เป็นการประชุมเพื่อหารือถึง มาตรการชั่วคราวระหว่างไทยแ ละกัมพูชาตามคำสั่งศาลโลก ไม่ใช่เป็นการไปสู้คดีในศาล โลก วันนี้ (17 ธ.ค.54) เวลา 10.15 น. ที่จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือร่วม กับกองทัพในกรอบการประชุมคณ ะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กั มพูชา (จีบีซี) ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ว่า การประชุมจีบีซีครั้งนี้เป็ นการหารือถึงท่าทีของทั้งสอ งประเทศ ซึ่งเป็นการประชุมเพื่อหารื อถึงมาตรการชั่วคราวระหว่าง ไทยและกัมพูชาตามคำสั่งศาลโ ลก ไม่ใช่เป็นการไปสู้คดีในศาล โลก รวมถึงการปรับกำลังทหารของท ั้งสองประเทศตามแนวชายแดน ซึ่งต้องเป็นข้อตกลงของทั้ง สองฝ่าย ส่วนข้อตกลงจะเป็นอย่างไรนั ้นทางเจ้าหน้าที่ต้องไปหารื อกัน แล้วนำกลับเข้ามาผ่านกระบวน การของคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมของ รัฐสภาก่อนที่จะมีการไปเจรจ า ซึ่งการประชุมครั้งนี้ถือว่ าเป็นภายใต้คำสั่งของศาลโลก

 · แชร์

นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายผู้ว่ าฯ-ผู้ตรวจฯ ขอให้เร่งฟื้นฟู เยียวยาควบคู่บรรเทาความเดื อดร้อนในจังหวัดที่ยังมีน้ำ ท่วมขัง พร้อมย้ำให้บูรณาการทำงานร่ วมกัน

(14/12/ 2011) นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายการให้ความช่ว ยเหลือฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์อุทกภัยแก่ผู้ว่าฯ -ผู้ตรวจฯ ระบุขอให้เร่งฟื้นฟู เยียวยา ควบคู่กับเร่งบรรเทาความเดื อดร้อนในจังหวัดที่ยังมีน้ำ ท่วมขัง ย้ำให้บูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับการดู แลอย่างเต็มที่ วันนี้ (14 ธ.ค.54) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายการให้ค วามช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผ ู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ ์อุทกภัย ให้กับผู้ตรวจราชการสำนักนา ยกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการทุกกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นท ี่ประสบอุทกภัย 64 จังหวัด และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวรายงานโดยสรุปว่า ช่วงเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา มีประชาชนที่ได้รับกระทบจาก สถานการณ์อุทกภัยเป็นจำนวนก ว่า 2 ล้านครัวเรือน เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางขนาดเล็ก เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับปั ญหาอุทกภัยเป็นลำดับต้น และได้จัดงบประมาณ โครงการ กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือเยียวยา ฟื้นฟู ผู้ประสบอุทกภัย ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการ ณ์มหาอุทกภัยครั้งนี้ โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีน ัดพิเศษเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประ มาณในชั้นต้นประมาณ 20,000 ล้านบาทเพื่อเร่งทำงานในช่ว งแรกและจะมีงบประมาณที่ตามม าอีก ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติ และท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบห มายให้สำนักงานปลัดสำนักนาย กรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานบูรณา การร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ย วข้อง ผู้ตรวจราชการทุกกระทรวง ที่มีภารกิจที่จะทำงานร่วมก ัน ให้เป็นผู้กำกับดูแลการฟื้น ฟู บูรณะ เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยเป็น รายจังหวัด ที่มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรว ม 64 จังหวัด โดยมีรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับใ นแต่ละจังหวัด ซึ่งจะทำให้การกำกับติดตาม การทำงานเพื่อฟื้นฟู เยียวยา ผู้ประสบอุทกภัยครั้งนี้เป็ นไปด้วยหลักการที่มีประสิทธ ิภาพ ไม่มีความซ้ำซ้อน และเป็นไปด้วยความโปร่งใส โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโย บาย สรุปสาระสำคัญว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยต่าง  ๆ หลายพื้นที่ได้เริ่มเข้าสู่ การฟื้นฟู เยียวยา แต่ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่ ายังมีบางพื้นที่ที่ยังประส บปัญหาอยู่ ซึ่งจะต้องทำงานหนักควบคู่ก ันไปทั้งสองส่วนคือการฟื้นฟ ู เยียวยา และการเร่งบรรเทาความเดือดร ้อนในจังหวัดที่ยังมีน้ำท่ว มขังอย่างบางพื้นที่ของกรุง เทพมหานครและจังหวัดนครปฐม ดังนั้น จึงอยากเห็นการทำงานร่วมกัน  โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญใน การเร่งรัดงบประมาณเพื่อฟื้ นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์อุทกภัย ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติใ นการฟื้นฟู เยียวยา ดูแลประชาชน ตั้งแต่การเยียวยาชดเชยเงิน ช่วยเหลือประชาชน และล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้อนุ มัติการส่งเงินในภาพรวมไปแล ้วกว่า 60,000 ล้านบาทจากงบประมาณทั้งหมด 120,000 ล้านบาทเพื่อไปเยียวยาพี่น้ องประชาชน แต่ในส่วนของกรอบงบประมาณที ่จะต้องดำเนินการ จะต้องรอการอนุมัติงบประมาณ จากรัฐสภาในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า ดังนั้น การใช้งบประมาณไปพลางก่อนจึ งมีข้อจำกัด ที่รัฐบาลจำเป็นต้องบริหารจ ัดการการใช้เงินงบประมาณอย่ างมีประสิทธิภาพภายในวงเงิน อันจำกัดก่อนที่จะได้รับงบป ระมาณทั้งหมด จึงต้องมั่นใจว่าการจัดสรรง บประมาณลงไปนั้น จะต้องนำไปเร่งดูแล เยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ ยังประสบปัญหาอุทกภัยโดยเฉพ าะในส่วนแรก โดยรัฐบาลได้เน้นให้ความสำค ัญในงบประมาณก้อนแรกที่ส่งล งไปยังทุกกระทรวงและจังหวัด  ในการดูแลเยียวยาประชาชนครอ บครัวละ 5,000 บาท การเยียวยาในส่วนของพืชไร่ เกษตรกรต่าง ๆ ที่ต้องทำตามขั้นตอนการสำรว จ อนุมัติ รวมทั้งต้องให้แน่ใจว่าการจ ัดสรรงบประมาณลงไปนั้นถึงมื อพี่น้องประชาชน โดยผ่านกลไกของภาครัฐทางธนา คารออมสิน เร่งซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐา น เส้นทางถนนที่ขาด ให้กลับคืนมาสู่สภาวะปกติ และการทำโครงการต่าง ๆ เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประช าชนดีขึ้น แต่ทั้งนี้ งบประมาณต่าง ๆ ที่ลงไปจะต้องทำให้เกิดการก ระตุ้นเศรษฐกิจด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในเรื่ องการดูแลประชาชน อยากเห็นการทำงานแบบบูรณากา รร่วมกัน ระหว่าง ผู้ตรวจราชการกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะรัฐมนตรีที่กำกับดูแล ในพื้นที่ที่รับผิดชอบแต่ละ จังหวัด เพื่อให้ประชาชนได้รับการดู แลอย่างเต็มที่ ภายใต้หลักการ 1. การใช้จ่ายงบประมาณที่ลงไปย ังประชาชน ต้องมีความโปร่งใส ทั่วถึง ตรวจสอบได้ และลดการซ้ำซ้อน ตามที่ได้มีการสำรวจไว้ พร้อมเร่งในส่วนที่มีการตกส ำรวจด้วย รวมทั้งดูแลไม่ให้มีความซ้ำ ซ้อน โดยให้ยึดหลักบัตรประชาชน 13 หลัก แต่หากมีการซ้ำซ้อนก็ขอให้เ ป็นคนละงาน และให้มีหลักเกณฑ์ชัดเจน 2. การดูแลโครงสร้างพื้นฐานการ คมนาคม ส่วนกลางจะอยู่ในงบประมาณภา ยใต้กระทรวงคมนาคม หากลงไปในพื้นที่จะอยู่ในส่ วนของผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดที่จะบูรณาการรวม  แต่ถ้าลงไปยังชุมชนจะเป็นกล ไกประชาคมหมู่บ้านอย่าง SML ซึ่งเกิดขึ้นในหมู่บ้านที่จ ะตกลงร่วมกันที่เกิดจากความ สมัครใจจากพี่น้องประชาชน โดยอยากเห็นการบูรณาการรวมใ นเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน  และขอฝากทางคณะกรรมการในเรื ่องขั้นตอนการลงไปตรวจรับต่ าง ๆ ที่อยากให้มีหลักเกณฑ์ชัดเจ น 3. ส่วนโครงสร้างอื่น ๆ เช่น โรงเรียน วัด ที่ขอเน้นความสำคัญลำดับแรก ให้โรงเรียนได้เปิดให้นักเร ียนได้เรียน " แนวทางในการทำงานร่วมกัน หลักแรก ถ้าเป็นเนื้องานอยากจะเห็น 3 หลัก คือ ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผล พอใช้คำว่าตรวจสอบ ก็อยากจะขอเรียนว่า วันนี้เราไม่อยากเห็นกลไกเป ็นลักษณะของการจับผิดซึ่งกั นและกัน เพราะว่าเป็นสิ่งสำคัญ ต้องมีเหตุมีผล การตรวจสอบนี้คือเป็นการตรว จสอบโดยทุกท่านเป็นทีมผู้บร ิหารร่วมกับทางรัฐบาล ลงไปตรวจสอบกลไกการทำงานทุก ขั้นตอนให้มีความโปร่งใสและ ทั่วถึง อันนี้ต่างหากที่เราเน้น เราไม่อยากเห็นการซ้ำเติมพี ่น้องประชาชนช่วงนี้ เพราะประสบอุทกภัยลำบาก อยากขอให้ประชาชนได้รับอย่า งเต็มที่ ทั่วถึง โปร่งใส" นายกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า อยากเห็นการบูรณาการรวมของก ระทรวง ผู้ว่าฯ ผู้ตรวจฯ ในขั้นตอนต่าง ๆ ให้ชัดเจน ตั้งแต่การได้รับงบประมาณ หลักการการทำงาน การประเมิน ตรวจสอบติดตามเป็นระยะ ถ้ามีอะไรไม่ตรงก็ให้กลับมา ทางหน่วยงาน เพื่อให้หน่วยงานชี้แจงและล งไปแก้ไข จึงต้องขอฝากผู้ตรวจฯ ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและปล ัดกระทรวงมหาดไทย ได้บูรณาการการทำงานร่วมกัน  พร้อมกับขอขอบคุณหัวหน้าส่ว นราชการทุกคน และผู้ว่าราชการจังหวัดที่ใ ห้ความร่วมมือกับรัฐบาลมาร่ วมประชุมในวันนี้ ซึ่งทุกคนเป็นกลไกในการทำงา นร่วมกันอย่างมีศักยภาพ โดยเชื่อว่าการทำงานด้วยควา มเต็มใจและร่วมมือกันทุกส่ว นของภาครัฐจะช่วยบรรเทาผ่อน คลายความทุกข์ยากของประชาชน และสามารถดูแลประชาชนอย่างท ั่วถึง และที่สำคัญคือเป็นการรับสน องพระราชดำรัสของพระบาทสมเด ็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ที่พระองค์ทรงห่วงใยประชาชน ที่กำลังเดือดร้อนจากน้ำท่ว ม ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของทุ กคนที่จะต้องดูแลแก้ไขปัญหา ของพี่น้องประชาชนโดยเร็ว วิมลมาส รัตนมณี / รายงาน สมภัสสร คนแรงดี / ถ่ายภาพ

 · แชร์

นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ 15 ธันวาคม 2011


นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมกองท ัพเรือ ยืนยันรัฐบาลเห็นความสำคัญเ รื่องกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อรักษาความมั่นคงของชาต ิ (15/12/2011)
นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมกองท ัพเรือ ระบุรัฐบาลยินดีให้การสนับส นุนในหลักการจัดซื้อเรือดำน ้ำ โดยต้องพิจารณารายละเอียดแล ะลำดับความสำคัญ ยืนยันรัฐบาลเห็นความสำคัญเ รื่องกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ของทุกหน่วยเพื่อรักษาความม ั่นคงของชาติ

วันนี้ (15 ธ.ค.54) เวลา 10.30 น. ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ โดยมี พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโห ม พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเรือเอก สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกอ งทัพเรือ ให้การต้อนรับ

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึ งบริเวณหน้าอาคารกองบัญชากา รกองทัพเรือ ได้ขึ้นแท่นรับการเคารพจากก องทหารเกียรติยศ ระหว่างนั้นวงดุริยางค์บรรเ ลงเพลงมหาฤกษ์ ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศ กล่าวรายงานและเรียนเชิญนาย กรัฐมนตรีเดินตรวจแถวกองทหา รเกียรติยศ โดยผู้บัญชาการทหารเรือได้น ำนายกรัฐมนตรีเดินตรวจแถวกอ งทหารเกียรติยศ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีไปยังอาคารกองท ัพเรือ เข้าห้องรับรองกองบัญชาการก องทัพเรือ เพื่อทำพิธีรับมอบเครื่องหม ายความสามารถนักทำลายใต้น้ำ จู่โจมกองทัพเรือกิตติมศักด ิ์ จากผู้บัญชาการทหารเรือ แล้วนายกรัฐมนตรีได้ไปกราบส ักการะ ถวายเครื่องราชสักการะพระบร มราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ าตากสินมหาราช ก่อนไปยังห้องรับรอง อาคารส่วนบัญชาการ 5 ชั้น 2 เพื่อวางพวงมาลัยและกราบสัก การะพระรูปปั้น พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวง ศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และลงนามในสมุดเยี่ยม

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ เข้าห้องประชุมกองบัญชาการก องทัพเรือ เพื่อฟังการบรรยายสรุปการปฏ ิบัติงานของกองทัพเรือ จาก พลเรือตรี พัลลภ ตมิสานนท์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทั พเรือ ข้าราชการทหารเรือ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อ ง เข้ารับฟังการบรรยายสรุปด้ว ย

ภายหลังการตรวจเยี่ยมการปฏิ บัติงานของกองทัพเรือ พร้อมมอบนโยบายให้กับกองทัพ เรือแล้ว นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อสื่อ มวลชนว่า กองทัพเรือเป็นอีกหน่วยงานห นึ่งของกองทัพที่มีความสำคั ญ โดยเฉพาะการดูแลปกป้องอธิปไ ตย รักษาอธิปไตยในส่วนของความม ั่นคงทางทะเลและการเดินเรือ ทางทะเล ซึ่งกองทัพเรือได้ให้ความสำ คัญทั้งในเรื่องของความมั่น คงทางทะเล การคมนาคม การสัญจร รวมถึงผลประโยชน์ของประเทศช าติ โดยจากการปฏิบัติงานที่ผ่าน มา ขอชื่นชมกองทัพเรือในการรัก ษาความสมดุลตรงนี้ รวมทั้งดูแลภารกิจของประเทศ ชาติและภารกิจของรัฐบาลในส่ วนของการดูแลบำบัดฟื้นฟูผู้ เสพยาติด ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่เ ป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล นอกจากนั้น กองทัพเรือได้ทำงานร่วมกับร ัฐบาลในการดูแลประชาชนที่ปร ะสบอุทกภัย จึงขอขอบคุณกองทัพเรือและเจ ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ได้ร่วม กันทำงานแก้ไขปัญหาวิกฤตครั ้งนี้ให้กับพี่น้องประชาชน รวมทั้งกองทัพเรือได้มีบทบา ทสำคัญที่ร่วมมือกับรัฐบาลใ นโครงการใช้เรือผลักดันน้ำท างฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ รวมถึงภารกิจอื่น ๆ ด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ตอบข้อซักถา มของสื่อมวลชน ในประเด็นคำถามที่ว่า นายกรัฐมนตรีมีความเห็นอย่า งไร เกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน ์ทางทะเล โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อจัดห าเรือดำน้ำ 7,700 ล้านบาทในส่วนของกองทัพเรือ  ว่า ในหลักการแล้วรัฐบาลยินดีให ้การสนับสนุน ซึ่งจะต้องมีการพิจารณารายล ะเอียด และต้องพิจารณาความสำคัญ ความเร่งด่วนที่จะต้องใช้ โดยรัฐบาลเห็นความสำคัญในเร ื่องกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ทุกส่วน ทุกหน่วย โดยเฉพาะเรื่องการเดินทะเล จำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ต่ าง ๆ ที่ช่วยดูแลในเรื่องของความ มั่นคง ซึ่งเบื้องต้นนั้นหลักการต้ องดูทั้งส่วนของการเตรียมกา ร เพราะการรักษาความมั่นคงจะต ้องมีอุปกรณ์หรืออาวุธในระด ับหนึ่งที่จะต้องมีการเตรีย มการเพื่อให้มีความพร้อม ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้า น โดยกระทรวงกลาโหมจะได้พิจาร ณาในรายละเอียดต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพเรือจะมีอิสระแค่ไหนใ นการที่จะเลือกคุณสมบัติของ เรือดำน้ำประเทศไหน เพราะที่ผ่านการเมืองอาจจะเ ข้ามาแทรกแซง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนตัวได้ให้แต่หลักการ โดยต้องดูที่ความจำเป็น และก่อนที่เราจะทำอะไรเราต้ องดูวัตถุประสงค์ของการนำไป ใช้เพื่ออะไร ส่วนเรื่องการจัดซื้อต่าง ๆ ต้องดูคุณสมบัติที่พร้อมที่ จะใช้งานและคำนึงถึงสภาวการ ณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป นี่คือหลักการ ส่วนรายละเอียดนั้นเป็นหน้า ที่ของผู้นำเสนอ

ผู้สื่อข่าวถามถึงหลักการที ่นำสินค้าทางการเกษตรแลกซื้ ออาวุธ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันในเรื่องนั้ น เพียงแต่คุยกันในหลักการเท่ านั้น เรื่องรายละเอียดกองทัพเรือ จะเป็นผู้พิจารณาจัดลำดับคว ามสำคัญ ทั้งนี้ รัฐบาลมีงบประมาณที่จะต้องส ร้างความสมดุลระหว่างการรัก ษาความมั่นคงของชาติ การดูแลเรื่องปัญหาความทุกข ์ของประชาชน และดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้รัฐบาลจะต้อง จัดลำดับความสำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมากองทัพเรือเสนอโคร งการไปหลายครั้งแต่ถูกตีกลั บ จะยืนยันได้หรือไม่ภายในรัฐ บาลนี้จะอนุมัติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "ต้องขอแก้ข่าวว่า ที่บอกว่าส่งไปแล้วตีกลับนั ้นยังไม่มา ต้องบอกว่ายังอยู่ในขั้นตอน  อะไรที่ส่งมาจากกองทัพแล้วม ีเหตุผลจำเป็น ดิฉันก็ให้ ยืนยันว่าหลักการเราไม่ปิด ในรายละเอียดจะต้องพิจารณาต ามลำดับความจำเป็นเร่งด่วน ถ้าอะไรที่เป็นสิ่งจำเป็นก็ มีความยินดีที่จะให้การสนับ สนุนอยู่แล้ว" นายกรัฐมนตรีกล่าว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงการจะเปลี ่ยน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็น พ.ร.บ.ปรองดอง ว่า อยากให้เป็นเรื่องของกระบวน การของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณา  เพราะต้องมีการถกกันในรายละ เอียด การกระทำทุกอย่างไม่สามารถท ี่จะบอกว่าใครจะชี้นำอย่างไ รได้ เพราะอาจจะเป็นการแสดงความค ิดเห็น ทั้งหมดจะต้องไปผ่านกระบวนก ารรัฐสภา โดยจุดยืนของนายกรัฐมนตรีคื ออยากเห็นความปรองดองและควา มสงบสุขของคนในชาติ การใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเ ทียม

วิมลมาส รัตนมณี / รายงาน

ธวัชชัย คุ้มคลองโยง / ถ่ายภาพ
 · แชร์
 

นายกรัฐมนตรีเผยพอใจการทำงานของกองทัพ

 

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นภาย ในราชอาณาจักร ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมพร้อ มมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ กองบัญชาการกองทัพบกและกองอ ำนวยการรักษาความมั่นคงภายใ นราชอาณาจักร โดยรนายกรัฐมนตรีเผยพอใจการ ทำงานของกองทัพในการดูแลช่ว ยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภ ัย

วันนี้ (14 ธ.ค. 54) เวลา 10.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นภาย ในราชอาณาจักร ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมพร้อ มมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ กองบัญชาการกองทัพบกและกองอ ำนวยการรักษาความมั่นคงภายใ นราชอาณาจักร โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโห ม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และคณะให้การต้อนรับอย่างพร ้อมเพรียง ณ กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึ งกองบัญชาการกองทัพบก ได้ขึ้นแท่นรับการเคารพจากก องทหารเกียรติยศ ระหว่างนั้นวงดุริยางค์บรรเ ลงเพลงมหาฤกษ์ ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศ กล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรี  เสร็จแล้วผู้บัญชาการทหารบก  นำนายกรัฐมนตรีเดินตรวจแถวก องทหารเกียรติยศ

ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีและค ณะ ได้เยี่ยมชมผลงานการวิจัยแล ะพัฒนายุทโธปกรณ์และอุปกรณ์ ในการช่วยเหลือประชาชนของกอ งทัพบก อาทิ รถครัวสนาม ชุดผลิตน้ำประปาสนาม ฯลฯ โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามเก ี่ยวกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยความสนใจ จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้นำพานพุ่มดอกไม้ไปสักการ ะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินท างไปยัง ห้องประชุม 241 เพื่อฟังการบรรยายสรุปชี้แจ งการปฏิบัติงานของ กอ.รมน. จาก พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล เลขาธิการกองอำนวยการรักษาค วามมั่นคงภายในราชอาณาจักร และรับฟังการบรรยายสรุปการป ฏิบัติงานของกองทัพจาก พลตรี ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เจ้ากรมยุทธการทหารบก โดยมี ผู้บัญชาการทหารบก ตลอดจนผู้บริหาร กอ.รมน. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อ ง เข้ารับฟังการบรรยายในครั้ง นี้ด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบั ติการกองบัญชาการกองทัพบก รวมทั้งได้ลงนามในสมุดเยี่ย ม และถ่ายภาพร่วมกับคณะกรรมกา รอำนวยการ กอ.รมน. และผู้บัญชาการทหารบก พร้อมรับประทานอาหารกลางวัน ร่วมกันซึ่งบรรยากาศเป็นไปอ ย่างเป็นกันเอง

โอกาสนี้ ภายหลังการตรวจเยี่ยมและรับ ฟังการบรรยายสรุปชี้แจงการป ฏิบัติงานจากผู้ที่เกี่ยวข้ องแล้ว นายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่า หลังจากที่ได้เดินทางไปตรวจ เยี่ยมกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย วันนี้จึงได้มีโอกาสเดินทาง มามอบนโยบายให้กับในส่วนของ กองบัญชาการกองทัพบกและกองอ ำนวยการรักษาความมั่นคงภายใ นราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งกองบัญชาการกองทัพบก มีภารกิจหลักร่วมอยู่ใน กอ.รมน.ด้วย ขณะที่นายกรัฐมนตรี ก็มีอีกตำแหน่งหนึ่งในฐานะผ ู้อำนวยการรักษาความมั่นภาย ในราชอาณาจักร ดังนั้นวันนี้จึงได้มารับฟั งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและ มอบโยบายแก่กองบัญชาการกองท ัพบกและกองอำนวยการรักษาควา มมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็ นไปอย่างราบรื่นและมีประสิท ธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อให้ประชาชนได้รั บประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ภาพรวมในเรื่องของกา รทำงานทั้งของรัฐบาลและกองบ ัญชาการกองทัพบก ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความมั่นค งก็ต้องทำงานภายใต้นโยบายหล ัก คือ การปกป้องชาติ สถาบัน และพระมหากษัตริย์ รวมถึงการดูแลทุกข์สุขของปร ะชาชน ขณะที่ในส่วนของ กอ.รมน.นั้น เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งซึ่งมี ความสำคัญ เพราะเป็นส่วนที่จะเชื่อมโย งนโยบายของรัฐบาลที่ได้มีกา รแถลงไว้ต่อรัฐสภาและประชาช น ในการนำไปประสานต่อและทำงาน ร่วมกับกองทัพ ขณะเดียวกันก็จะเป็นอีกหน่ว ยหนึ่งในการบูรณาการการทำงา นร่วมกับทุกกระทรวงและทุกภา คส่วนที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวว่า สิ่งที่ได้เน้นย้ำกับกองบัญ ชาการกองทัพบกและกองอำนวยกา รรักษาความมั่นคงภายในราชอา ณาจักร คือ การดูแลสนับสนุนรัฐบาลในเรื ่องของการปราบปรามยาเสพติดซ ึ่งเป็นวาระแห่งชาติ เช่น การป้องกัน การสกัดกั้นยาเสพติดข้ามชาต ิ ตลอดจนการเข้ามาช่วยดูแลบำบ ัดผู้ติดยาเสพติด โดยโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง เพื่อฟื้นฟูให้บุคคลดังกล่า วกลับคืนเป็นคนดีสู่สังคมต่ อไป เป็นต้น

สำหรับปัญหาความมั่นคงในสาม จังหวัดชายแดนภาคใต้และรอยต ่อตามแนวชายแดนนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายโดยการน้อมนำพร ะราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ ้าอยู่หัว "เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา" ไปปฏิบัติ โดยจะต้องเน้นวิธีการสันติใ นการทำความเข้าใจกับประชาชน ในพื้นที่ และหาแนวทางในการประสานให้เ กิดความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความสงบสุขขึ้น  ส่วนรอยต่อตามแนวชายแดนต่าง  ๆ ก็จะต้องหาแนวทางในการที่อย ู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอ ย่างสงบสุขและเป็นไปอย่างสั นติ

อย่างไรก็ตามในส่วนของกองบั ญชาการกองทัพบกที่นอกจากจะด ูแลในเรื่องความมั่นคงแล้ว ก็จะมีอีกภารกิจในการช่วยสน ับสนุนการดำเนินงานตามนโยบา ยของรัฐบาล รวมถึงการดูแลช่วยเหลือบรรเ ทาความทุกข์ยากของประชาชนที ่ประสบปัญหาจากสถานการณ์อุท กภัยด้วย

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้ตอบข้อซักถามของสื่อม วลในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

กรณีที่ กอ.รมน. มีหน้าที่ดูแลด้านความมั่นค งภายในราชอาณาจักร และในช่วงระหว่างเทศกาลวันป ีใหม่ที่จะถึงนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กองบัญชาการ กองทัพบกและกองอำนวยการรักษ าความมั่นคงภายในราชอาณาจัก ร ดูแลความมั่นคงอย่างไรบ้างโ ดยเฉพาะปัญหาเรื่องการลอบวา งระเบิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องความมั่นคงจะมีศูนย ์บัญชาการที่เชื่อมโยงมายัง กองทัพบก ดูแลในเรื่องดังกล่าว โดยจะมีการบูรณาการด้านความ ปลอดภัยทั้งหมดอยู่ในศูนย์เ ดียวกัน รวมถึงเรื่องการจราจร และระบบดาวเทียม ตลอดจนทีมข่าวกรอง เป็นต้น ซึ่งได้มอบนโยบายให้ทีมงานช ุดนี้ ไปบูรณาการการทำงานระหว่างก ันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ห น่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองทัพ ตำรวจ และกระทรวงมหาดไทย ในการช่วยกันดูแลความปลอดภั ยในช่วงนี้ด้วย เนื่องจากอยากให้ในช่วงปีให ม่ประชาชนมีความสุข พร้อมได้เน้นย้ำและฝากหน่วย งานที่เกี่ยวข้องว่า หากพบเห็นเหตุการณ์ที่ไม่น่ าไว้วางใจให้รีบรายงานขึ้นม าโดยตรง ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ก็จะมีการติดตามการทำงานอย่ างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายังน่า จะมีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล ่าวเกิดขึ้น แต่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ งก็จะช่วยกันดูแลและป้องกัน อย่างเต็มที่
ส่วนกรณีปัญหาชายแดนภาคใต้น ายกรัฐมนตรีได้มีการเน้นย้ำ กองบัญชาการกองทัพบกและ กอ.รมน.ภาค 4 อย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เบื้องต้นได้มีการหารือในเร ื่องยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญห าภาคใต้ 6 ประการ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ได้ม ีการบูรณาการโดยรวมทั้งหมด 14 กระทรวงหลักเข้ามาทำงานร่วม กัน เช่น ทั้งในส่วนของกองทัพ ในฐานะ กอ.รมน. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัด ชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็น ซึ่งขณะนี้ได้มีการตกลงร่วม กันในเรื่องของยุทธศาสตร์หล ักทั้งหมดแล้วก่อนดำเนินการ ในรายละเอียดต่อไป อย่างไรก็ตามก็จะเน้นในเรื่ องของการแก้ไขปัญหาที่ต้นเห ตุมากกว่าการแก้ไขปัญหาปลาย เหตุ ซึ่งการน้อมนำแนวพระราชดำรั ส "เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา" เป็นสิ่งที่ทุกคนยึดเป็นหลั กในการนำไปปฏิบัติในการแก้ไ ขปัญหา
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่จะมีการส่งบุ คคลมาดูแล กอ.รมน. เช่นเดียวกับรัฐบาลที่ผ่านม าหรือไม่ว่า โดยตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนต รี ก็เป็น ผอ.กอ.รมน. อยู่แล้ว ซึ่งในส่วนนี้นายกรัฐมนตรี ก็จะเป็นผู้มาให้นโยบาย แต่บางครั้งอาจจะมีการมอบหม ายให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาประชุมร่วมกับคณะกรรม การ กอ.รมน.

ส่วนการที่รัฐบาลพรรคเพื่อไ ทยมาเป็นรัฐบาลมีความพึงพอใ จต่อการทำงานของ ผบ.ทบ.มากน้อยเพียงใดและจะม ีการโยกย้าย ผบ.ทบ. หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามาก็ไม่ได้มีการ ก้าวก่ายการทำงานของกองทัพแ ต่อย่างใด ขณะเดียวกัน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ยังทำหน้าที่ตรงนี้อยู่ ทั้งนี้ในส่วนการทำงานช่วยเ หลือประชาชนที่ประสบปัญหาอุ ทกภัยทางรัฐบาลก็ได้รับความ ร่วมมือจากกองทัพบกเป็นอย่า งดีภายใต้การทำงานร่วมกับศู นย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ป ระสบภัยน้ำท่วม (ศปภ.) ซึ่งก็รู้สึกพึงพอใจต่อการท ำงานดังกล่าวของกองทัพบกด้ว ย เนื่องจากกองทัพมีความพร้อม ในเรื่องของกำลังพลและอุปกร ณ์ต่าง ๆ รวมถึงมีการเตรียมพร้อมในเร ื่องของภัยพิบัติและภาวะฉุก เฉินได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจุดนี้รัฐบาลจึงขอคว ามร่วมมือกับกองทัพเป็นหน่ว ยงานหลักในการเข้ามาทำงานใน การแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเท ศในครั้งนี้

ขณะที่ในส่วนของการสนับสนุน งบประมาณในเรื่องการดูแลอุป กรณ์ของกองทัพบกที่ได้มีการ นำไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประ สบอุทกภัยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของยุทโธปกรณ์ที่เสีย หาย ถ้าอะไรที่เป็นสิ่งจำเป็นแล ะเร่งด่วน และไม่สามารถที่จะปฏิบัติกา รได้ ตรงนี้คงต้องเร่งจัดสรรงบปร ะมาณให้ แต่อะไรที่ยังเป็นส่วนที่ไม ่ได้เร่งด่วนและสามารถรอได้  คงต้องมีการจัดลำดับความสำค ัญ เนื่องจากงบประมาณมีอยู่อย่ างจำกัด เพราะต้องนำไปแก้ไขปัญหาเรื ่องอื่น ๆ ด้วย อย่างไรก็ตามได้ให้แนวทางว่ าการแก้ไขปัญหาในเรื่องงบปร ะมาณต่าง ๆ อย่างเร่งด่วนคือต้องดูแลเย ียวยาประชาชนที่ประสบอุทกภั ย แต่หากงานต่าง ๆ มีอะไรที่เป็นอุปสรรคไม่สาม ารถที่จะทำงานได้ ตรงนี้ก็ต้องเข้ามาแก้ไข เป็นต้น
สำหรับในส่วนที่จะใช้อาวุธย ุทโธปกรณ์เพิ่มเติมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องกลับมาดูถึงความสำคัญแล ะความจำเป็น ตลอดจนวัตถุประสงค์ ซึ่งตรงนี้ต้องไปพิจารณาในร ายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนนายกรัฐมนตรีมีความเชื่ อมั่นมากน้อยเพียงใดว่าความ ปรองดองจะเกิดขึ้นและมีความ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีกา รออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำว่า "ความปรองดอง" เป็นความเชื่อมั่นที่ทุกคนจ ะต้องร่วมกันทำ และร่วมกันสร้างบรรยากาศด้ว ย ทั้งนี้การที่ประเทศจะเกิดค วามปรองดองนั้น นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวคง ไม่สามารถที่จะทำได้สำเร็จ ดังนั้นต้องได้รับความร่วมม ือจากทุกภาคส่วนที่จะช่วยกั นให้เกิดบรรยากาศของความปรอ งดองขึ้น พร้อมกันนี้ขอให้ทุกคนยึดหล ักว่าการที่จะทำอะไร ต้องยึดหลักความยุติธรรมและ การใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และที่สำคัญต้องให้ความเสมอ ภาคกับทุกคน ซึ่งหากเราใช้หลักการนี้เชื ่อว่าความสงบสุขและความปรอง ดองจะกลับมาสู่ประเทศไทย

วิไลวรรณ/รายงาน

ธวัชชัย/ถ่ายภาพ

 

นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมกองท ัพอากาศ

(14/12/ 2011) นายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจเยี่ยมกองบัญชาการ กองทัพอากาศ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่กองทั พอากาศ ให้การต้อนรับ วันนี้ (14 ธ.ค.54) เวลา 14.30 น. ณ กองบัญชาการ กองทัพอากาศ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจเยี่ยมกองบัญชาก าร กองทัพอากาศ โดยมีพลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโห ม พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลอากาศเอก อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่กองทั พอากาศ ให้การต้อนรับ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึ ง นายกรัฐมนตรีขึ้นแท่นรับการ เคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤก ษ์ 1 จบ ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศ กล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรี  จากนั้น ผู้บัญชาการทหารอากาศนำนายก รัฐมนตรีเดินตรวจแถวกองทหาร เกียรติยศ แล้วเดินไปยังอนุสาวรีย์ทหา รอากาศเพื่อวางพวงมาลา ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและผู้นำเหล่าท ัพเข้าสักการะพระอนุสาวรีย์  จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้ าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ พร้อมวางพานพุ่มและจุดเทียน ที่เครื่องทองน้อย บริเวณลานด้านในตึกกองบัญชา การ กองทัพอากาศ ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินไปยังห้องร ับรองพิเศษ 1 เพื่อเขียนข้อความและลงนามใ นสมุดเยี่ยมกองทัพอากาศ และไปยังห้องรับรองพิเศษ 2 เพื่อทำพิธีประดับเครื่องหม ายแสดงความสามารถในการบินชั ้นกิตติมศักดิ์ของกองทัพอาก าศ พร้อมรับมอบประกาศนียบัตรจา กผู้บัญชาการทหารอากาศ จากนั้น นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมรับฟังบรรยายสรุปกา รปฏิบัติงานของกองทัพอากาศ และมอบนโยบายการปฏิบัติงานใ ห้กับผู้บังคับบัญชาระดับสู งของกองทัพอากาศก่อนเดินทาง กลับ

ชมพูนุท/ รายงาน วิมลมาส/ตรวจ

 

นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทั พไทย


(13 ธันวาคม 2554) นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทั พไทย ณ กองบัญชาการกองทัพไทย ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
 · แชร์
 
 

เจ้าอาวาสวัดดอนเมืองชม “ปู” แนะเป็นนายกต้องอดทน

เจ้าอาวาสวัดดอนเมืองจำได้ นายกฯ “ด.ญ.ปู” เคยทะเลาะกับหมาแมว – ชมนายกมีคุณสมบัติผู้หญิงดี  ครบถ้วน วันที่ 11 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่วัดดอนเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “รวมใจ คืนรอยยิ้มและความสุข” เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ปร ะสบอุทกภัยและฟื้นฟูสิ่งแวด ล้อมในพื้นที่เขตดอนเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่เดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรี เข้ากราบพระประธานและนมัสกา รพระราชวิสุทธิ์มงคล หรือหลวงพ่อแคล้ว เจ้าอาวาสวัดดอนเมือง ซึ่งนำพระลูกวัดสวดมนต์อวยพ รให้กับนายกรัฐมนตรี จากนั้นหลวงพ่อแคล้วสนทนาธร รม กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในตอนหนึ่งว่า สมัยก่อน น.ส.ยิ่งลักษณ์ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยเดินทางมาที่กุฏิของอาตม า ตอนนั้นนายกรัฐมนตรี ยังเป็น ด.ญ.ปู วิ่งหน้ากุฏิ ซึ่งไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพราะด.ญ.ปูมัวไปทะเลาะกับห มาแมวหน้ากุฏิ เพราะมีจำนวนมาก พอเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐม นตรี ทั้งคณะสงฆ์ ญาติโยม ชาวดอนเมือง และที่อื่น ๆ ก็มาถามว่าหลวงพ่อดีใจหรือไ ม่ที่ปูได้เป็นนายกฯ อาตมาก็บอกว่าดีใจมาก และยินดีที่มีนายกฯหญิงคนแร ก ถือเป็นนายกฯคนที่ 28 ของไทย ถ้าจำไม่ผิด มีนายกฯ หญิงทั่วโลกประมาณ 52 คน “ถ้าดูจากประวัติของนายกฯปู  จะเห็นว่าเขาเป็นอัจฉริยะ หรือหญิงเหล็ก ทำงานมามากมาย ลักษณะของนายกฯปูเป็นอัจฉริ ยะอย่างหนึ่งที่โบราณเขาเรี ยกว่า แข็งเหมือนมด อดเหมือนกา กล้าเหมือนหญิง ซึ่งที่เปรียบกับมด เพราะมดตัวเล็กนิดเดียว แต่คาบใบไม้ใหญ่ปิดตัวได้ ส่วนอีกา ถือว่าอดทน อดกลั้น พูดมาถึงตรงนี้แล้วก็คิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ สมัยที่ท่านเป็นนายกฯ ท่านชอบฟังธรรมะ ซึ่งทุกครั้งที่นายกฯปูออกท ีวี อาตมาก็ชื่นชมยินดี นายกฯ ปูถือว่าเป็นผู้หญิงที่มีคู ่สมบัติของผู้หญิงที่ดี 6 ประการครบ คือรูปสวย รวยทรัพย์ นับวิชา มีมารยาท ชาติผู้ดี มีศีลธรรม ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ จะแจ้งกองประกวดให้ไปประกวด มิสเวิร์ดเสียเลย” หลวงพ่อแคล้ว กล่าว และว่า วันนี้นายกฯ ปูตอนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เพราะต้องรับผิดชอบคนกว่า 60 ล้านคน ซึ่งต้องใช้ธรรมะโอสถ คือ อดกลั้น อดทน อดออม มีสติสัมปชัญญะ อาตมาติดตามข่าว เห็นคนชื่นชมยินดีก็ดีใจด้ว ย จากนั้นเจ้าอาวาสวัดดอนเมือ งได้มอบพระแก้วมรกต และพระเครื่อง ให้เป็นที่ระลึก ซึ่งนายกรัฐมนตรี ส่งให้เจ้าหน้าที่ของทำเนีย บไปตรวจสอบก่อนว่าเกิน 3 พันบาทหรือไม่

 · แชร์
 
 

นายกรัฐมนตรียืนยันรัฐบาลไม ่ได้เข้าไปก้าวก่ายการทำงาน ของกองทัพ ยึดหลักการทำงานบนความไว้ใจ  เชื่อใจ เข้าใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน


(9/12/ 2011) นรม.ตรวจเยี่ยม รับฟังบรรยายสรุปภารกิจของกระทรวงก ลาโหม และมอบนโยบายการทำงานหลังจา กรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี วันนี้ (9 ธ.ค.54) เวลา 10.30 น. ณ ศาลาว่าการกลาโหม กระทรวงกลาโหม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจเยี่ยมกระทรวงกล าโหม โดยมีพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโห ม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บริหารกระทรวงกลาโหมให้ก ารต้อนรับ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมา ถึง นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหมได้ตรวจแถวกองทหารเกี ยรติยศผสม 3 เหล่าทัพพร้อมขึ้นแท่นเคารพ  ก่อนเสร็จสิ้น โดยนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโห ม และผู้นำเหล่าทัพเข้าถวายรา ชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเ ด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ห ัว รัชกาลที่ 5 พร้อมวางพวงมาลัยบนพาน และจุดธูปเทียนที่เครื่องทอ งน้อย บริเวณหน้าห้องภาณุรังสี ชั้น 3 ศาลาว่าการกลาโหม จากนั้นนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุ ป ณ ห้องภานุรังสี ชั้น 3 ศาลาว่าการกลาโหม และมอบนโยบายในการปฎิบัติงา น ภายหลังการรับฟังบรรยายสรุป  และมอบนโยบายการปฏิบัติงาน นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวถึงผลการตรวจเยี ่ยมว่า นับเป็นครั้งแรกหลังจากรับต ำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ได้มา ตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายส รุปภารกิจของกระทรวงกลาโหม โดยได้มีการหารือในรายละเอี ยดถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน  เพื่อรักษาความมั่นคง สร้างความปรองดอง เพื่อความสงบสุขของคนในชาติ  รักษาเอกราชของประเทศไทย และร่วมมือปกป้องสถาบันพระม หากษัตริย์อันเป็นที่รักของ คนไทยทั้งประเทศ โดยการน้อมนำพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหา มงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 มาทำงานร่วมกันเพื่อบรรเทาค วามทุกข์ยากลำบากของประชาชน ที่ประสบอุทกภัย ซึ่งรัฐบาลและกองทัพได้ให้ค วามสำคัญในการดูแลช่วยเหลือ  เยียวยา และฟื้นฟูช่วยแบ่งเบาบรรเทา ความเดือดร้อนของประชาชนอย่ างเสมอภาค โดยไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอ ยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำอ ย่างยั่งยืน โดยกองทัพจะเข้ามาทำงานร่วม กับรัฐบาลในการฟื้นฟูระบบสา ธารณูปโภคให้สามารถใช้งานได ้ตามปกติโดยเร็ว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกคนต้องทำตามภารกิจของตนเ อง เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันค ือการทำอย่างไรให้ประเทศชาต ิ และคนในชาติมีความสงบสุข เกิดความสามัคคีปรองดอง ซึ่งทางกองทัพมีหน้าที่ทำตา มนโยบายของรัฐบาล ยืนยันรัฐบาลไม่ได้เข้าไปก้ าวก่ายการทำงานของกองทัพ และยึดหลักการทำงานบนความไว ้ใจ เชื่อใจ เข้าใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นจุดยืนที่จะทำให้กา รทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธ ิภาพ สำหรับประเด็นการแก้ไข พรบ.กลาโหม และการดำเนินคดีกับกลุ่มคนเ สื้อแดงที่หลายฝ่ายแสดงความ เป็นห่วงนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับท ุกฝ่าย และต้องให้โอกาสเจ้าหน้าที่ ได้ทำงานอย่างเต็มที่ตามหลั กของกฎหมาย ยึดหลักนิติธรรม ทั้งนี้ ในฐานะของนายกรัฐมนตรีต้องก ารเห็นความสงบสุข ความสามัคคีปรองดองของคนในป ระเทศชาติ และความสบายใจในการทำงาน ในส่วนของ พรบ.กลาโหมยังไม่ได้มีการพู ดถึง ซึ่งลำดับต่อไปจะมีการเยี่ย มในแต่ละเหล่าทัพต่อไป สำหรับจุดยืนในการปกป้องสถา บัน นั้น รัฐบาลได้มีการแต่งตั้งคณะก รรมการเพื่อเข้ามาทำงานเพื่ อมาตรวจสอบ ไม่ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งอ้า งอิงถึงสถาบันในทางที่ไม่ถู กต้อง ซึ่งกองทัพร่วมกับเจ้าหน้าท ี่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กระทรวงเทคโน โลยีสารสนเทศและการสื่อสารจ ะทำงานร่วมกัน โดยจะมีการจัดกิจกรรมลงพื้น ที่สร้างความเข้าใจที่ถูกต้ องตรงกันให้กับประชาชนต่อไป  นราวุธ รายงาน

 · แชร์
 
 

นายกรัฐมนตรีชมการซักซ้อมใหญ่การแสดงเฉลิมพระเกียรติงานสโมสรสันนิบาต


 
 

นายกรัฐมนตรีและครม.วางพานพ ุ่มถวายราชสักการะพระบรมราช านุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7

นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีวางพานพุ ่มถวายราชสักการะพระบรมราชา นุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปก เกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันพระราชพิธีฉลองวันพระร าชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทย วันนี้ (10 ธ.ค.54) เวลา 09.30 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี วางพานพุ่มถวายราชสักการะพร ะบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเ ด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันพระราชพิธีฉลองวันพระร าชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทย ณ บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา

 · แชร์

 
 



นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราช

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ณ สนามหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 

 
 

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาและบรรยายพิเศษ

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการศึก ษาและบรรยายพิเศษ เรื่อง "บทบาทของภาครัฐและเอกชนในก ารรักษาความมั่นคงแห่งชาติ"  ณ ห้องบรรยายรวมวิทยาลัยป้องก ันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ  ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กรุงเทพฯ
 · แชร
 
 


 

นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ

 
 

น.ส.ต้องตา เขียวไพศาล จนท.สนง.โครงการพัฒนาสหประช าชาติประจำประเทศไทยเข้าสัม ภาษณ์นายกรัฐมนตรี เพื่อจัดทำสารคดีพิเศษ

 · แชร์
 

นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนบำ เพ็ญสาธารณะประโยชน์เพื่อถว ายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย ู่หัว ตลอดเดือนธันวาคม
นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะร่วมงา น " 5 ธันวา รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล " จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
และตรวจเยี่ยมให้กำลังประชา ชน

วันนี้ (4 ธ.ค.54) เวลา 12.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมห าดไทย นายวิทยา บูรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาร ณสุข นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธ รรม นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางโดยรถยนต์ไปจั งหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อร ่วมโครงการ " 5 ธันวา รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล " โดยมีนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศ รีอยุธยา ผู้บริหาร ข้าราชการ และประชาชนให้การต้อนรับเป็ นจำนวนมาก
เวลา 13.00 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทา งไปยังวัดกษัตราธิราชวรวิหา ร ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมฟื้นฟูศาสนสถาน ที่เสียหายหลังจากเกิดเหตุอ ุทกภัยที่ผ่านมา เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะเดิ นทางมาถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศ รีอยุธยา กล่าวต้อนรับและกล่าวถึงเป้ าหมายของโครงการ "ทำดีถวายพ่อ ฟื้นฟูอยุธยา" ว่า เพื่อเร่งฟื้นฟูสถานที่สำคั ญของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายคือ 1. เร่งฟื้นฟูศาสนสถาน เช่น วัด มัสยิด โบสถ์คริสต์ และศาลเจ้า โดยจะฟื้นฟูวัด 19 วัด 9 มัสยิด 9โบสถ์ 9 ศาลเจ้า เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญของจ ังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2. ฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมที่ได้ร ับผลกระทบจากน้ำท่วม เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดคว ามมั่นใจ และ 3.การฟื้นฟูพื้นที่การเกษตร ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักของชาว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นายกรัฐมนตรีกล่าวปราศรัย แสดงความดีใจที่ได้มาร่วมทำ ดีถวายพ่อ และฟื้นฟูจังหวัดพระนครศรีอ ยุธยา ซึ่งถือเป็นเมืองโบราณที่มี ศาสนสถานสำคัญเปรียบเสมือนเ มืองหลวงของไทย และขอให้ตลอดเดือนธันวาคมนี ้มีการบำเพ็ญสาธารณะประโยชน ์เพื่อเฉลิมฉลองงานเฉลิมพระ ชนมพรรษา ในการฟื้นฟูอาคารบ้านเรือน ฟื้นฟูโบราณสถาน และฟื้นฟูการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการฟื้นฟูนิคมอุตสา หกรรมเพื่อให้เกิดการจ้างงา น โดยได้กำชับให้ผู้ว่าราชการ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายอำเภอ นายก อบต. อบจ. และ ส.ส.ในพื้นที่ให้ดำเนินเรื่ องดังกล่าว และให้ดูแลทุกข์สุขประชาชนอ ย่างใกล้ชิด ให้ประชาชนกลับสู่สภาวะปกติ โดยเร็ว เพื่อความอยู่ดีกินดี และกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เดือนธันวาคมนี้เป็นเดือนมห ามงคลถือเป็นขวัญกำลังใจให้ คนไทยทุกคน มีพลังก้าวไปข้างหน้า และขอให้ปีหน้าเป็นปีที่สดใ สของคนไทย ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลเยียว ยาประชาชนหลังน้ำลด จะไม่ทอดทิ้งประชาชน จะดูทุกข์สุขทุกเรื่องของปร ะชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ด ีขึ้น

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทา งต่อไปยังบริเวณหน้าวัดพระศ รีสรรเพชญ์ เพื่อสักการะพระบรมราชานุสา วรีย์ สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ชมการแสดงของสำนักดาบพุทไธศ วรรย์ ร่วมโครงการ Beautiful Thailand : เมืองไทยสวยงาม เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยว พบปะกลุ่มจิตอาสาและสมาคมธุ รกิจการท่องเที่ยวในประเทศ และปล่อยขบวนรถนักท่องเที่ย ว ที่ประกอบด้วยรถตุ๊ก ตุ๊ก 20 คัน รถจักรยานสามล้อ 20 คัน และช้าง 10 เชือก ก่อนออกเดินทางไปศาลากลางจั งหวัดฯ (หลังเก่า) เพื่อเปิด " โครงการ 5 ธันวา รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล " ด้วยการกดปุ่มเปิดเครื่องพ่ นหมอกควัน และปล่อยขบวนรถกำจัดพาหะนำโ รค 16 อำเภอ พร้อมพบปะให้กำลังใจอาสาสมั ครสาธารณสุข (อสม.) รวม 4,000 คน ในโครงการฯ ที่ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุ ทกภัย

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทา งไปที่บ้านปากจั่น อ.นครหลวง เพื่อร่วมฟื้นฟูพื้นที่การเ กษตร "โครงการคืนที่นาให้เกษตรกร " โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบเงินช ่วยเหลือเกษตรกรให้ผู้แทนเก ษตรกร มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุ ทกภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท จำนวน 468 ราย พร้อมมอบปัจจัยทางการเกษตร อาทิ เมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์พืชผักสวนครัว ปุ๋ยอินทรีย์ ให้ผู้แทนเกษตรกร และมอบเงินให้ครัวเรือนของล ูกค้า ธ.ก.ส. ที่เสียชีวิตจากอุทกภัย จากนั้นได้ร่วมปล่อยแถวรถเก ษตรกร/ เครื่องจักรทางการเกษตรเพื่อ ทำการฟื้นฟูพื้นที่นา ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหาน ครโดยขบวนรถยนต์

· แชร์
 

ข่าวการเมืองไทยติด 10 อันดับ ติดกระแส อัพเดดตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวสั้นทันทุกวินาที   


 
ขอขอบคุณสำนักข่าวทุกสำนัก และ ช่างภาพทุกท่าน ทีมข่าว อาร์ ทีวี วัน

 

 

ทีมข่าว อาร์ ทีวี วัน                                                     เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม   24 ชั่วโมง  

เกาะติดข่าวสถานะการณ์ภัยพิบัติ คลิกที่นี่

 
 
 
 

 

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
3/12 ถ.อู่ทองนอก แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 โทรศัพท์ 0-2637-3000 และ มท.55050 - 58
 

สกู๊ปพิเศษ บทความ ข้อคิด แง่คิด ดีดี มีสาระ เกร็ดความรู้ต่างๆ

อ่านบทความย้อนหลังได้ที่นี่ แชร์ไปที่ Facebook

“ครองใจคน” หลากหลายเหตุผลที่คนไทยรัก “ในหลวง” คลิกอ่านที่นี่


ข่าวเด็กและเยาวชน โดยพิราบขาวสื่อออนไลน์ ไร้พรมแดน 

คลิกอ่านข่าวทีมข่าวเยาวชน


ผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมเด็กและเยาวชน

 
ข่าวเยาวชนนำเสนอโดยเด็กและเยาวชน อายุ 10-18 ปี เพื่อนำเผยแพรู่่สูู่่สาธารณะ ให้กับเพื่อนๆเยาวชนรับข่าวสาร กิจกรรมต่าง และเป็นสื่อกลางระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ เป็นเวทีกิจกรรมการเรียนรู้การทำหน้าที่สื่อมวลชน การนำเสนอข่าว ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้เด็กและ้เยาวชน ตระหนักถึงหน้าที่ที่ดี ไม่เป็นภาระให้กับผู้็ปกครองและเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคม รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดกับตนเอง และสังคมรอบตัว
 
 
 
ศูนย์เฝ้าระวัง ติดตามพฤติกรรมเด็กและเยาวชน ในการเล่นอินเตอร์เน็ต การโพสข้อความ และรูปภาพในไฮไฟว์ เฟตบุ๊ค และ sms ในทางไม่เหมาะสม
หรือ พบเด็กและเยาวชนถูกกระทำทารุน ใช้แรงงานผิดกฎหมาย หรือ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสถานศึกษา หรือหน่วยงานต่างๆ
โปรดแจ้ง สำนักข่าวเด็กและเยาวชน โทร.สายด่วน 085-979-8473 หรือส่งอีเมล์ rtv1_mobilestation@hotmail.com
 
ติดต่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารประสารงานต่างๆ โทร. 084-111-6149 บุญยานุช รอดปัญญา
 

คำขวัญวันเด็ก'สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี'

ทีมข่าวเยาวชน

 รายการร่วมด้วยช่วยเด็ก สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย  กรมประชาสัมพันธ์สวท.11 AM. 819 KHz.

พบกับรายการร่วมด้วยช่วยเด็ก ข่าวสาร สาระ เด็กและเยาวชน ทุกวันเสาร์ เวลา 15.00-17.00 น.
กับนักจัดรายการเด็กและเยาวชนที่มีจิตอาสาในการสร้างสรรค์รายการ เพื่อสังคมเด็กและเยาวชน เป็นการเรารวมตัวกันและดำเนินงาน  ในรูปแบบอาสาสมัครเด็กและเยาวชน
ได้รับการสนับสนุนจาก สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย  กรมประชาสัมพันธ์สวท.11 AM. 819 KHz.
อาจารย์อัศวิน ตราบนิรันดร ผู้อำนวยการสถานี อาร์ ทีวี วัน สื่อออนไลน์ไร้พรมแดน
คุณฉัตรชัย  เชื้อรามัญ ผู้อำนวยการขบวนการตาสับปะรด
นส.สกุณี  กีรติวงศ์วานิช    (พี่หน่อย)  ผู้ประสานงานศูนย์ฯ และสำนักข่าวเด็กฯ
นส.ชุติมา  ใจคง (พี่เอ๋)   ผู้ประสานงานรายกาวิทยุเด็กและเยาวชน 


วิทยุแห่งประเทศไทย AM 819 KHz   
ขอขอบคุณสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์


พื้นที่นี้…ดีจัง พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อเยาวชน

คำขวัญวันเด็ก ประจำปี พ.ศ. 2554   “รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธาณะ”

เปิดตัวนักจัดรายการเยาวชนอายุ 13 ปี ผู้มีความใฝ่ฝันการเป็นดีเจ รุ่นเยาว์ สร้างปรากฏการณ์ในวงการดีเจคนรุ่นใหม่

บนหน้าปัดวิทยุ คลื่น FM. 102.75 Mhz.

เด็กหญิงบุญยานุช รอดปัญญา อายุ 12 ปี ปัจจุปันเรียนที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 เขตลาดพร้าว ระดับชั้นมัธยม 1 ห้อง 9 ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาสมาจัดรายการวิทยุ แต่ก็เป็นความจริงไปแล้วที่ได้มาเป็นดีเจวัยรุ่นที่อายุน้อย ได้มีโอกาสทำรายการเองและเป็นเจ้าของรายการ เพื่อนเยาวชนเพื่อเยาวชน ทุกวันอาทิตย์ ประสพการณ์ไบรโอนี่ ผ่านการอบรมการจัดรายการ และสื่อมวลชน ถือว่าเป็นเยาวชนคนหนึ่งที่ก้าวไปสู่ความสำเร็จในด้านสื่อมวลชนและนักจัดรายการ เยาวชนคนรุ่นใหม่
ส่วนเด็กหญิงสุธิดา สีดาธรรมนะ อายุ 12 ปี ปัจจุบันเรียนที่ โรงเรียนลาดปลาเค้าพิทยาคม เขตลาดพร้าว ระดับชั้นมัธยม 1 ไม่ได้คิดเช่นเดียวกันที่จะมาเป็นดีเจ และโอกาสก็มาถึงจึงทำให้เขารักงานดีเจมาก จนเห็นพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงของเขา และดีเจตาหวานก้อกำลังก้าวไปสู่ความเป็นนักจัดรายการแบบมืออาชีพ
ทั้งคู่ได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์อัศวิน ตราบนิรันคร ผู้สร้างความฝันให้เป็นความจริงและไปสู่จุดหมาย

 

รายการเพื่อนเยาวชน เพื่อเยาวชน

๑. วัตถุประสงค์
๑.๑ เพื่อให้สาระความรู้กับเยาวชนในทุก ๆ ด้าน และปัญหายาเสพติด
๑.๒ เพื่อเผยแพร่กิจกรรมที่ดีให้เยาวชนได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองและสังคม
๑.๓ เพื่อให้เยาวชนมีค่านิยมที่ดี มีความรักชาติ มีระเบียบวินัย รักและหวงแหนในศิลปะวัฒนธรรม ประเพณีของไทย และภาษาไทย
๒. แนวความคิดในการจัดทำรายการ
ปัจจุบันมีปัญหาเกิดขึ้นกับเยาวชนในหลาย ๆ ด้าน ทั้งทางด้านปัญหายาเสพติด อบายมุข และการล่วงและเมิดทางเพศ ฯลฯ
รายการวิทยุจึงเป็นสื่อมวลชนประเภทหนึ่งที่เข้าถึงจิตใจของเยาวชนได้ดี ทางรายการเพื่อนเยาวชนเพื่อเยาวชน
จึงได้ผลิตรายการเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชน
ในลักษณ์การเป็นเพื่อนในการรับฟังปัญหา
และร่วมหาทางแก้ปัญหาให้กับเยาวชน ในขณะเดียวกัน ได้นำเยาวชนหรือผู้ที่ประสบผลสำเร็จในการทำงาน มาเป็นแบบอย่างให้กับเยาวชนอื่น ๆ อีกด้วย
๓. กลุ่มเป้าหมาย
- เยาวชน ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป
๔. วัน-เวลา ในการออกอากาศ
ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ระบบ FM.ความถี่ ๑๐๒.๗๕ MHz วันอาทิตย์ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น.
๕. รูปแบบของรายการ
๕.๑ การให้สาระความรู้ มีเพลงเป็นสื่อ
๕.๒ การสนทนา/สัมภาษณ์ ผู้รับเชิญและผู้เกี่ยวข้อง
๖. ผู้ดำเนินรายการ
- ดีเจไบรโอนี่234 และ ดีเจตาหวาน ควบคุมรายการ อาจารย์อัศวิน ตราบนิรันดร
- ผู้เกี่ยวข้อง และผู้รับเชิญ

ได้เวลาเปิดตัวเสียทีกับดีเจไบรโอนี่234และดีเจตาหวาน หลังจากได้ทำการซุ้มทำรายการ เพื่อนเยาวชนเพื่อเยาวชนมาเกือบสามเดือนแล้ว หวังว่ารายการนี้คงเป็นประโยชน์ต่อเยาวชน และสังคม
ไม่มากก็น้อย การทำหน้าที่ของเยาวชนใวันหยุดถือว่าเป็นการที่
ใช้เวลาว่างมาสร้างสรรค์ผลงาน
บนหน้าปัดวิทยุ คลื่น FM.102.75Mhz.
ในทุกวันอาทิตย์ เวลา 09.00-11.00 น. เป็นประจำ โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานี RTV1อาจารย์อัศวิน ตราบนิรันดร
และ อาจารย์บรรจบ กับ อาสนองการะเกด ร่วมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ของวิทยุคลื่นนี้
ขอสนับสนุนให้นักจัดรายการ ดีเจไบรโอนี และ ดีเจตาหวาน ทำหน้าที่ตัวแทนเยาวชนให้ประสพความสำเร็จที่มุ่งมั่นไว้
ก้าวไปสู่อนาคตที่ดี
จากทีมงานสถานี RTV1
เวทีของเยาวชน......ที่นี่ตรงนี้...... “เล่น เรียนรู้ แบ่งปัน” แต่งแต้มสีสันให้โลกสวยงาม

 

ข่าวภูมิภาคทั่วไทย อัพเดททุก 24 ชั่วโมง

โดยทีมข่าวมืออาชีพ มากประสพการณ์

 

ข่าวเฉียบคม ถูกต้อง รวดเร็ว ฉับไว ทันเหตุการณ์ โดยพิราบขาวทีมข่าวสถานี อาร์ ทีวี วัน คลิกอ่านข่าวที่นี่

โหลดใบสมัครนักข่าวเฉพาะกิจ  ตรวจสอบประวัตินักข่าว   ส่งภาพและวีดีโอข่าว
ติดต่อ e-mail : rtv1_station_thailand@hotmail.com
drupal statistics
อ่านข่าวพิราบขาว 40 คลิกที่นี่
อ่านข่าวพิราบขาว 50 คลิกที่นี่
อ่านข่าวพิราบขาว 60 คลิกที่นี่
อ่านข่าวพิราบขาว 70 คลิกที่นี่
อ่านข่าวพิราบขาว 80 คลิกที่นี่

อ่านข่าวภูธรย้อนหลังคลิกที่นี่         รายงานข่าวโดย พิราบขาว ทีมข่าวอาร์ทีวีวัน


 
 
 


สอบถามเส้นทางได้ที่ Call Center 1586 โทร.02-354-6551 02-354-6668-76 ต่อ 2014 โทรสาร 02-664-5500
 
 

ประชาสัมพันธ์
CCTV ฟรี เพียงที่ทำงานมี Internet และเห็นสภาพจราจร

 
 

ข่าวสาร หนังสือพิมพ์(ต่างประเทศ)
ABC News I Asahi Shimbun I AP - Associated Press I BBC I Bangkok Shuho I CBS Sports Line I Chicago Tribune I CNET news I CNN I FOX News | Los Angeles Times I MSNBC I NBC I New York Time I Reuters | The Sun I Time.com I USA Today I Washington Post |

 
 
   ขอบคุณองค์กรที่ช่วยสนับสนุนกิจกรรมของเด็กและเยาวชน
 
สายด่วน กรมชล. 1460 เช็คปริมาณน้ำขึ้น
Web Counter
ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมบริจาคอาหารสุนัข
(ในโครงการช่วยเหลือน้องหมาที่อดอยาก) คลิกชมเว็บที่นี่
หรือติดต่อที่ชมรมรักน้องหมา และสถานี RTV1ศูนย์ข่าวออนไลน์ (www.rtv1.net) เนื่องจากตอนนี้อาหารหมากำลังใกล้จะหมดแล้ว จึงขอวิงวอนผู้ใจบุญทุกท่านช่วยเหลือน้องหมาที่กำลังอดอยาก ท่านสามารถเยี่ยมชมบ้านน้องหมาได้ที่ บ้านรักธรรมชาติ เลขที่ 145 ม.10 บ้านซำโสม ตำบลกบินทร์ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี 25110 โทร. 081-254-1620
หรือติดต่อสถานี RTV1ศูนย์ข่าวออนไลน์ (www.rtv1.net)

โทร. 02-907-5425 มือถือโทร. 084-092-5068 e-mail : nong_mah@hotmail.co.th
 
ศูนย์เฝ้าระวัง ติดตามพฤติกรรมเด็กและเยาวชน ในการเล่นอินเตอร์เน็ต การโพสข้อความ และรูปภาพในไฮไฟว์ เฟตบุ๊ค และ sms ในทางไม่เหมาะสม
หรือ พบเด็กและเยาวชนถูกกระทำทารุน ใช้แรงงานผิดกฎหมาย หรือ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสถานศึกษา หรือหน่วยงานต่างๆ
โปรดแจ้ง สำนักข่าวเด็กและเยาวชน โทร.สายด่วน 085-979-8473 หรือส่งอีเมล์ rtv1_mobilestation@hotmail.com
 
ติดต่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารประสารงานต่างๆ โทร. 084-111-6149 บุญยานุช รอดปัญญา
 
กองบรรณาธิการและสำนักข่าวเด็กเยาวชน สถานี อาร์ ทีวี วัน ขอแสดงความขอบคุณมายังนักข่าว และช่างภาพ ทุกท่านที่ร่วมกันทำหน้าที่ดี ๆ 
มีประโยชน์ต่อสังคม ในการเผยแพร่ข่าวสารสู่สาธารณะชนอย่างต่อเนื่อง   และเชื่อมั่นว่าทุกท่านจะรักษาไว้ซึ่งคุณภาพของการนำเสนอข่าวสาร
และมิตรภาพในสื่อออนไลน์แห่งนี้ของเราต่อไป ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพทั้งหมดนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ RTV1.NET
 
 
ติดต่อ e-mail : rtv1_station_thailand@hotmail.com
@ copy 2007 by rtv1
Free Web Hosting